เชียงใหม่เปิดยุทธการทวงคืนเขาหัวโล้น 8.5 แสนไร่ ประกาศแผน 20 ปี เอาคืน 4 แสนไร่ เร่งฟื้นฟูป่าต้นน้ำเสื่อมสภาพเขตอุทยานฯ-ป่าสงวนฯนำร่อง 2 แห่ง บ้านห้วยจะค่าน อ.เชียงดาว เขตอุทยานแห่งชาติผาแดง และบ้านแม่ขี้มูก อ.แม่แจ่ม เขตป่าสงวนแห่งชาติ เดินหน้าปลูกป่าไร่ละ 50 ต้น สร้างฝายประชารัฐ ดึงเอกชนร่วมหนุน เตรียมแผนการเกษตรใหม่ ปลูกป่าเศรษฐกิจ ไผ่ ข้าวไร่ ผักออร์แกนิกแทนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ต้นเหตุปัญหาหมอกควัน
นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จังหวัดเชียงใหม่อยู่ระหว่างการเร่งดำเนินการจัดการป่าต้นน้ำเสื่อมสภาพ (เขาหัวโล้น) ในหลายพื้นที่ โดยมีแผนที่จะทำโครงการพลิกฟื้นผืนป่าสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนในระยะเวลา 20 ปี ซึ่งพบว่าปัจจุบันพื้นที่ป่าของจังหวัดเชียงใหม่ได้ถูกบุกรุกทั้งในเขตอุทยานแห่งชาติและป่าสงวนแห่งชาติ ที่ได้กลายสภาพเป็นเขาหัวโล้น ดังนั้น แนวทางการดำเนินการต้องทำทั้งในส่วนการทวงคืนผืนป่าจากราษฎร และการฟื้นฟูสภาพป่าควบคู่กันไป
ล่าสุดได้สั่งการให้จัดตั้งคณะกรรมการระดับจังหวัดเพื่อขับเคลื่อนโครงการให้มีความเป็นรูปธรรม เป็นแผนงานของจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีสองหน่วยงานหลัก คือ สำนักบริหารจัดการพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 ซึ่งดูแลพื้นที่อุทยานแห่งชาติ-ป่าอนุรักษ์ และสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 (เชียงใหม่) ที่จะต้องบูรณาการทำงานร่วมกับหลายภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งหน่วยงานรัฐ ชุมชน ภาคเอกชนที่จะเข้ามาช่วยสนับสนุนทุนดำเนินการ
ทั้งนี้ ได้กำหนดแผนดำเนินการก้าวแรก จัดกิจกรรม Kick Off โครงการ "พลิกฟื้นผืนป่าสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน" ในช่วงเดือนมิถุนายน 2559 นี้ ซึ่งจะนำร่องพื้นที่เขาหัวโล้นที่ทวงคืนมาได้แล้ว คือ บ้านห้วยจะค่าน อ.เชียงดาว จำนวนราว 300 ไร่ ซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติผาแดง และบ้านแม่ขี้มูก อ.แม่แจ่ม จำนวนราว 500 ไร่ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จะเน้นการปลูกป่าและการสร้างฝายประชารัฐ
นายปวิณกล่าวว่า การทำงานต้องเน้นบูรณาการ ซึ่งการใช้งบประมาณของภาครัฐเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ จำเป็นต้องให้ภาคเอกชน-กลุ่มทุนเข้ามามีส่วนร่วมเป็นหน่วยสนับสนุนอีกแรงหนึ่ง โดยขณะนี้มีภาคเอกชนและกลุ่มทุนให้ความสนใจเข้าร่วมโครงการปลูกป่าครั้งนี้ด้วย ขณะเดียวกัน ต้องเร่งดำเนินการทวงคืนผืนป่าในพื้นที่อื่น ๆ เพื่อนำกลับมาฟื้นฟูสภาพใหม่ด้วยการปลูกป่า เป็นแผนงานที่จังหวัดเชียงใหม่จะต้องทำกันอย่างต่อเนื่อง
นายชูเกียรติ พงศ์ศิริวรรณ ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 (เชียงใหม่) กล่าวว่า พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติของจังหวัด เชียงใหม่จำนวน 25 ป่า มีพื้นที่รวมทั้งสิ้น 6,671,840.47 ไร่ ซึ่งในปี 2545 พื้นที่ป่าลดลงเหลือเพียง 5,884,366.07 ไร่ เท่ากับป่าหายไป 787,474.40 ไร่ และในปี 2558 พื้นที่ป่าลดลงอย่างต่อเนื่องอยู่ที่ 5,518,745.40 ไร่ โดยจากช่วงปี 2545-2558 พื้นที่ป่าหายไปมากถึง 365,620.67 ไร่ กล่าวคือ โดยพบว่าเป็นการบุกรุกป่าเพื่อนำไปทำการเกษตรเป็นส่วนใหญ่ และสภาพป่าได้กลายเป็นเขาหัวโล้นเกือบทั้งสิ้น
ทั้งนี้ ในปี 2558 สามารถทวงคืนผืนป่าจากการบุกรุกมาได้ราว 7,000 ไร่ และในปี 2559 ล่าสุดได้ผืนป่าคืนมาอีกกว่า 2,000 ไร่ และจะเริ่มดำเนินการทวงคืนพื้นที่ป่าอย่างต่อเนื่องตามนโยบายพลิกฟื้นผืนป่าสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ทั้งดำเนินการพลิกฟื้นผืนป่า การสร้างความรู้ความเข้าใจและมีส่วนร่วมแบบประชารัฐ การแก้ไขแนวเขต การรักษาป่าสมบูรณ์ การบังคับใช้กฎหมายต่อผู้บุกรุก การจัดสรรที่ทำกิน และการเพิ่มพื้นที่ป่า
นายภูมินพศ์ บุญบันดาร ผู้ช่วยหัวหน้าโครงการจัดการป่าไม้อเนกประโยชน์ กรมป่าไม้กล่าวว่า พื้นที่นำร่องโครงการ คือ บ้านแม่ขี้มูก ต.บ้านทับ อ.แม่แจ่ม ซึ่งได้ทวงคืนพื้นที่ป่ามาได้แล้วทั้งสิ้น 1,600 ไร่ โดยแบ่งพื้นที่ 900 ไร่ จัดให้เป็นพื้นที่ทำกินของราษฎรตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2541 เรื่องการแก้ไขปัญหาที่ดินในพื้นที่ป่าไม้ ซึ่งจะมุ่งให้ราษฎรลดพื้นที่การปลูกข้าวโพดลง สำหรับพื้นที่อีก 500 ไร่ ซึ่งเดิมเป็นพื้นที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มีสภาพเป็นเขาหัวโล้น จะใช้เป็นพื้นที่ปลูกป่าในสัดส่วน 50 ต้นต่อ 1 ไร่ และปรับโครงสร้างการผลิตการเกษตรทั้งหมด ซึ่งตามโครงการคิกออฟของจังหวัดเชียงใหม่ในช่วงเดือนมิถุนายนนี้ จะแบ่งพื้นที่ 50 ไร่ เป็นพื้นที่ทดลองปลูกป่าและ ทำฝายประชารัฐ ส่วนพื้นที่ที่เหลืออีกราว 450 ไร่ จะส่งเสริมปลูกป่าอเนกประโยชน์ อาทิ ปลูกป่าไม้สัก ไม้แดง ไม้มะค่า ปลูกพืชเกษตร เช่น มะขามป้อม ข้าวไร่ ไผ่ ผักปลอดสารพิษ-ผักออร์แกนิก โดยจะไม่มีการใช้สารเคมีและการเผาเศษวัสดุภายในไร่
ด้านนายกมลไชย คชชา ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 กล่าวว่า พื้นที่รับผิดชอบของสำนักบริหาร พื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 ครอบคลุมในจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ตาก ลำปาง และแม่ฮ่องสอน แบ่งเป็นอุทยานแห่งชาติ 10 แห่ง อุทยานแห่งชาติเตรียมการ 4 แห่ง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า 4 แห่ง เขตห้ามล่าสัตว์ป่า 1 แห่ง และเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเตรียมการอีก 1 แห่ง พื้นที่รวมประมาณ 7,038 ล้านไร่ เป็นพื้นที่ป่าต้นน้ำเสื่อม สภาพบนพื้นที่สูงชัน (เขาหัวโล้น) ประมาณ 491,310 ไร่ คาดว่าเป็นพื้นที่ที่ถูกบุกรุก โดยกำหนดเป้าหมายในการทำงาน 20 ปีตั้งแต่ปี 2559-2578 ที่จะทวงคืนผืนป่า คาดว่าเมื่อถึงเป้าหมายในปี 2578 จำนวนพื้นที่ป่าที่ถูกบุกรุกจะลดลงเหลือเพียง 4,885.29 ไร่
สำหรับโครงการคิกออฟ "พลิกฟื้นผืนป่าสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน" ของจังหวัดเชียงใหม่ ที่จะจัดขึ้นในเดือนมิถุนายน ได้เลือกพื้นที่นำร่อง คือ บ้านห้วยจะค่าน อ.เชียงดาว ในเขตอุทยานแห่งชาติผาแดง ซึ่งได้ทวงคืนพื้นที่ป่า (เขาหัวโล้น) มาได้แล้วจำนวน 300 ไร่ จากพื้นที่ที่คาดว่าถูกบุกรุกทั้งหมด 90,512 ไร่ โดยจะทำการปลูกป่า ฟื้นฟูป่า และสร้างฝายประชารัฐ ทั้งนี้ การทวงคืนผืนป่าที่ถูกบุกรุกจะเริ่มดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 31 พ.ค. 2559
มูลนิธิชีวิตไท (Local Act)
129/250 หมู่บ้านเพอร์เฟคเพลส รัตนาธิเบศร์ ถนนไทรม้า ต.บางรักน้อย อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
โทรศัพท์: 02-048-5465 E-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.