สธ. พบผู้ป่วยจากสารกำจัดศัตรูพืชเพิ่ม 4 เท่า ทั้งพิษเฉียบพลัน และ ระยะยาว หวั่นรุนแรงถึงขั้นเป็นหมัน เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ เร่งพัฒนาบริการสุขภาพ สำหรับเกษตรกร ให้ได้ร้อยละ 40 ในปี 2559
นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ ว่า กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายดูแลสุขภาพประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกรที่มีถึง 11.9 ล้านคน มีปัญหาที่น่าเป็นห่วง คือ อันตรายจากการใช้สารเคมีการเกษตรเพื่อเพิ่มผลผลิตหรือกำจัดศัตรูพืช โดยผลการตรวจคัดกรองความเสี่ยงกลุ่มเกษตรกรทั่วประเทศในปี 2558 จำนวน 341,039 คน พบว่า มีความเสี่ยงและไม่ปลอดภัยจากการสัมผัสสารเคมีกำจัดศัตรูพืชถึงร้อยละ 32 และข้อมูลสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่า ในรอบ 5 ปี มีผู้ป่วยจากพิษสารเคมีกำจัดศัตรูพืชเพิ่มสูงขึ้น 4 เท่าตัว จากปี 2553 ที่พบผู้ป่วย 1,851 ราย เพิ่มเป็น 7,954 ราย ในปี 2557 ผู้ป่วยมากสุดที่จังหวัดหนองบัวลำภู
กระทรวงสาธารณสุข มีนโยบายป้องกันผลกระทบสุขภาพเกษตรกรทั่วประเทศ ได้พัฒนารูปแบบการจัดระบบบริการดูแลสุขภาพเกษตรกร โดยจัดตั้ง “คลินิกสุขภาพเกษตรกร” ในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ซึ่งอยู่ใกล้บ้าน เกษตรกรเข้าถึงบริการอย่างสะดวก มาตั้งแต่ปี 2554 และในปี 2559 ได้พัฒนาเป็นการจัดบริการอาชีวอนามัยให้กับแรงงานในชุมชน ให้การดูแลอย่างครบวงจร ต่อเนื่อง ทั้งประเมินและตรวจคัดกรองความเสี่ยง ให้การรักษาพยาบาลโรคจากการทำงานเบื้องต้น และการส่งต่อ รวมทั้งทำงานเชิงรุก เช่น การสำรวจสภาพแวดล้อมและการประเมินความเสี่ยงในการทำงาน การให้คำแนะนำเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทำงานของเกษตรกร ประสานกับผู้นำชุมชนและหน่วยงานท้องถิ่น ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ลด ละ เลิกการใช้สารเคมี ขณะนี้เปิดบริการแล้ว 3,333 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 33 ตั้งเป้าหมายให้ได้ร้อยละ 40 ของ รพ.สต. ทั้งประเทศ ในปี 2559 พร้อมเร่งขยายให้ครอบคลุมพื้นที่ทำการเกษตรทุกแห่ง
ด้าน นพ.อำนวย กาจีนะ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า กรมควบคุมโรค โดยสำนักโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม ได้เฝ้าระวังความเสี่ยงจากการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชในกลุ่มเกษตรกร หากพบว่า มีความเสี่ยงจะให้คำแนะนำการใช้สารเคมีที่ปลอดภัยอย่างทันท่วงที ไม่รอให้มีอาการป่วยก่อน ซึ่งผลกระทบจากใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช มีทั้งระยะเฉียบพลัน คือ แสบตา แสบมือ ตาพร่ามัว ปวดศีรษะและกล้ามเนื้อ คลื่นไส้ ท้องเสีย แน่นหน้าอก หายใจขัด ส่วนผลระยะยาว ทำให้เกิดโรคเรื้อรัง เช่น มะเร็ง อัมพฤกษ์ อัมพาต โรคผิวหนังเรื้อรัง อาจรุนแรงถึงขั้นเป็นหมันหรือเสื่อมสมรรถภาพทางเพศได้
ในการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชอย่างปลอดภัยมีหลัก 4 ข้อง่าย ๆ คือ อ่าน - ใส่ - ถอด - ทิ้ง คือ 1. อ่านฉลากการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชก่อนใช้และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด 2. ใส่อุปกรณ์ ป้องกันอันตรายจากสารเคมีขณะทำงาน เช่น เสื้อผ้ามิดชิดรัดกุม หน้ากาก ถุงมือ 3. ถอดชุดและอุปกรณ์ทุกชิ้นที่ใช้ขณะฉีดพ่นหรือทำงาน แยกซักจากเสื้อผ้าอื่น ๆ แล้วรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที และ 4. ทิ้งผลิตภัณฑ์บรรจุสารเคมีกำจัดศัตรูพืชให้ถูกต้อง คัดแยกออกจากขยะทั่วไป ให้อยู่ในกลุ่มขยะอันตราย ทิ้งให้ห่างไกลจากแหล่งน้ำป้องกันการปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ ในการป้องกันอันตรายจากการทำงานอื่น ๆ ที่พบมาก เช่น การบาดเจ็บกล้ามเนื้อและข้อจากการออกแรงทำงาน หรืออยู่ในท่าซ้ำ ๆ ตลอดทั้งวันจนกล้ามเนื้ออักเสบ ปวดบวม ขอแนะนำว่า ไม่ควรออกแรงยก ผลัก เข็น ลากเกินกำลัง หากสิ่งของมีน้ำหนักมาก ขอให้ใช้เครื่องมือ หรือคนอื่น ๆ ช่วย และฝึกยกของด้วยท่าที่ถูกต้อง โดยย่อตัว ให้สิ่งของแนบชิดลำตัวและให้กำลังขาดันตัวขึ้น ไม่ก้มงอหลังแล้วเงยขึ้นขณะยกของ ควรเปลี่ยนอิริยาบถเมื่อต้องทำงานท่าใดท่าหนึ่งนาน ๆ และทำกายบริหารเพิ่มความยืดหยุ่น ลดความเมื่อยล้าของร่างกายได้
มูลนิธิชีวิตไท (Local Act)
129/250 หมู่บ้านเพอร์เฟคเพลส รัตนาธิเบศร์ ถนนไทรม้า ต.บางรักน้อย อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
โทรศัพท์: 02-048-5465 E-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.