กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ประกาศให้ปี 2559 เป็นปีแห่งการรณรงค์ลดต้นทุนการผลิต ในด้านการลดค่าใช้จ่ายปัจจัยการผลิต การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตเพื่อเพิ่มผลผลิตต่อไร่ การบริหารจัดการฟาร์มด้วยระบบแปลงใหญ่ และการเชื่อมโยงตลาด โดยเร่งสร้างการรับรู้การลดต้นทุนการผลิตผ่านการประกวดของเกษตรกร
นายอภิชาติ พงษ์ศรีหดุลชัย ที่ปรึกษาอธิบดีกรมการข้าว กล่าวว่า กรมการข้าวได้ขานรับนโยบายกระทรวงเกษตรฯ ด้วยการจัดโครงการแข่งขันเกม เกษตรกร THE SUPER FARMER โดยกรมการข้าวร่วมมือกับบริษัท ฟาร์ม แชนเนล (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท โตโยต้ามอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งปีนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 3 และมีความพิเศษเข้มข้นขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา เพราะเป็นการแข่งขันพัฒนาการปลูกข้าวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติ ศาสตร์ เนื่องจากดำเนินการบนพื้นที่ 36,000 ไร่ มีเกษตรกรผู้เข้าแข่งขันกว่า 2,000 คน จาก 8 ชุมชน 8 จังหวัด ภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ จังหวัดชัยนาท สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ศรีสะเกษ นครราชสีมา บุรีรัมย์ ร้อยเอ็ด และสุรินทร์ โดยกติกาการแข่งขันมุ่งเน้นไปที่เรื่องการบริหารจัดการนาแปลงใหญ่เชิงอุตสาหกรรม ซึ่งจะช่วยให้ต้นทุนการผลิตข้าวลดลง เพิ่มผลผลิตต่อไร่และมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น โดยมีเงินรางวัลรวมกว่า 1 ล้านบาท และทีมที่ชนะเลิศจะได้รับรางวัลถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี
ทั้งนี้ ผู้เข้าแข่งขันทั้งหมด 8 ทีม ล้วนมีจุดแข็ง จุดด้อยแตกต่างกัน แต่ละทีมจึงต้องหาวิธีสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมในการคลี่คลายปัญหา ส่งผลให้ผู้ติดตามชมเกมแข่งขันจากทั่วประเทศที่ได้ชมผ่านช่องทาง รายการคนไทยหัวใจเกษตร ทางโมเดิร์นไนน์ ทีวี ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 05.00-05.30 น. และช่อง Miracle Channel ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 09.00-10.00 น. ได้รับทราบว่าแต่ละทีมจะมีวิธีการอย่างไร นอกจากจะได้รับความบันเทิงแล้ว ยังสอดแทรกแนวคิด และวิธีการผลิตข้าวในเวลาเดียวกัน อีกทั้งยังได้ร่วมโหวตให้คะแนนทีมที่ชื่นชอบได้ด้วย
ซึ่งชาวนาบางรายนั้นมีองค์ความรู้ในการผลิตข้าวที่อยู่ในเกณฑ์ดี เมื่อรวมกันเป็นทีมแล้วต้องคอยช่วยเหลือสมาชิกให้มีความรู้มากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันตลอดการแข่งขันนี้เกษตรกรจะได้รับการถ่ายทอดความรู้ และเข้าใจการทำนาแปลงใหญ่อย่างแท้จริง เพื่อสนับสนุนให้การผลิตข้าวประสบความสำเร็จยิ่งขึ้น ดังนั้น จึงเป็นความสามารถของ แต่ละทีมต้องสร้างผู้จัดการแปลงเพื่อบริหารจัดการทีมให้สมาชิกมีความสามัคคี แข็งแกร่ง โดยได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้และยอมรับในองค์ความรู้นั้นจนนำไปสู่การปฏิบัติให้บรรลุเป้าหมาย
สำหรับภารกิจของผู้แข่งขันของผู้เข้าแข่งขัน ประกอบด้วย 14 ภารกิจคือ 1.นาแปลงใหญ่ ลดต้นทุน เพิ่มรายได้ 2.ใช้ข้าวพันธุ์ดีใช้เมล็ดพันธุ์คุณภาพสูง ใช้อัตราเหมาะสม 3.เลือกเทคโนโลยีการผลิตข้าวอย่างประณีตและลดต้นทุน 4.วางแผนทำนาที่เหมาะสมกับพื้นที่ เพื่อลดต้นทุน และผลิตข้าว ให้มีคุณภาพดี ปรับประยุกต์ตามหลัก TPS 5.บัญชีฟาร์ม6.ใส่ปุ๋ยถูกชนิด ถูกอัตรา ถูกเวลา 7.ป้องกันโรคแมลงอย่างเหมาะสม 8.จัดการวัชพืชในนาแปลงใหญ่ 9.สร้างอาชีพ สร้างรายได้เสริม 10.เก็บเกี่ยวข้อง ถูกเวลา 11.แผนการตลาด ช่องทางจัดจำหน่าย สร้างผลกำไรสูงสุดต่อชุมชน 12.Young Smart Farmer ชุมชน 13.สรุปแผนการบริหารจัดการนาแปลงใหญ่องค์รวม 14.เลือกผู้จัดการแปลงใหญ่
หลักเกณฑ์ในการแข่งขัน มีคะแนนจาก 3 ส่วน ประกอบด้วย ส่วนแรกคะแนนการแข่งขัน ตามภารกิจๆ คิดเป็น 50% โดยแต่ละทีมจะต้องมีการนำเสนอต่อคณะกรรมการเพื่อพิจารณาให้คะแนน ในแต่ละภารกิจส่วนที่สองเป็นคะแนนจากการตรวจแปลงของเจ้าหน้าที่ของกรมการข้าว คิดเป็น 40% และส่วนที่สามคือคะแนนผลโหวตของผู้ชมทางบ้าน คิดเป็น 10%
“การแข่งขันในปีนี้ จะได้เห็นเกษตรกรแสดงศักยภาพในการนำเสนอการบริหารจัดการแปลงนาในสตูดิโอเพื่อถ่ายทอดว่ามีวิธีการอย่างไร ที่ผ่านมาก็รู้สึกประทับใจแนวคิดของกลุ่มเกษตรกรซึ่งแตกต่างกันตามแต่ละท้องถิ่น ตลอดวิธีการชักจูงใจให้สมาชิกมาร่วมปฏิบัติตาม หรือจะเป็นการสาธิตทำให้ชาวนาเพื่อนสมาชิกดูว่าทำอย่างไรถึงจะได้ผล ซึ่งแสดงให้เห็นว่าชาวนาพร้อมที่จะเรียนรู้ และค้นหาสิ่งใหม่เพื่อพัฒนาในอาชีพของตัวเองอยู่เสมอ ทางกรมการข้าวและผู้จัดทำโครงการก็จะนำเรื่องราวต่างๆ ที่ได้ไปพัฒนาการแข่งขันในปีต่อๆ ไปให้เกิดประโยชน์สูงสุด” นายอภิชาติ กล่าวทิ้งท้าย
ที่มา : แนวหน้า วันที่ 11 ธ.ค. 2558
มูลนิธิชีวิตไท (Local Act)
129/250 หมู่บ้านเพอร์เฟคเพลส รัตนาธิเบศร์ ถนนไทรม้า ต.บางรักน้อย อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
โทรศัพท์: 02-048-5465 E-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.