โดย ทีมข่าวเศรษฐกิจ
เข้ามาทำงานแค่สัปดาห์เดียวทีมเศรษฐกิจใหม่ นำโดยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เคาะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจล็อตแรกออกมาเรียบร้อยและเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 1 กันยายนนี้ เน้นกระตุ้นเศรษฐกิจระยะเร่งด่วน 3 เดือนสุดท้ายของปี (ตุลาคม-ธันวาคม 2558) รวม 3 มาตรการ วงเงินรวม 1.1 แสนล้านบาท
งานนี้นายสมคิดมอบให้นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่ โชว์ฝีมือเสนอมาตรการอย่างเต็มที่ โดยมีโจทย์สำคัญคือเงินต้องถึงมือชาวบ้านให้เร็วที่สุด เพื่อให้หมุนลงสู่ระบบเศรษฐกิจให้มากที่สุด
- ออก 3 มาตรการกระตุ้น ศก.
จากการหารือครั้งสุดท้ายระหว่างนายสมคิดและทีมงานจากกระทรวงการคลังเมื่อวันที่ 28 สิงหาคมที่ผ่าน มีข้อสรุปเกี่ยวกับ 3 มาตรการ ประกอบด้วย 1.ใช้เงิน 5.9 หมื่นล้านบาทปล่อยกู้ 0% เป็นเวลา 2 ปีให้ชาวบ้านผ่านกองทุนหมู่บ้าน แบ่งการทำงานเป็น 2 ขั้นตอนคือ ให้ธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ปล่อยกู้ให้กองทุนหมู่บ้านระดับเอและบีที่มีอยู่ 5.9 หมื่นหมู่บ้าน กองทุนละ 1 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 5.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งรัฐจะอุดหนุนดอกเบี้ยให้ใน 2 ปีแรก จากระยะเวลาการกู้ 7 ปี
หลังจากนั้นให้กองทุนหมู่บ้านนำเงินดังกล่าวไปปล่อยกู้ให้ประชาชนในลักษณะปลอดดอกเบี้ยเช่นกัน โดยมีเงื่อนไขการปล่อยกู้คือต้องนำไปประกอบอาชีพ และห้ามนำไปใช้หนี้เดิม (รีไฟแนนซ์) เพื่อให้เงินดังกล่าวถูกนำมาใช้จ่ายกระตุ้นเศรษฐกิจตามวัตถุประสงค์ที่ทีมเศรษฐกิจชุดใหม่วางไว้ ตรงนี้ใช้เงินจากรัฐน้อยมากแค่ชดเชยดอกเบี้ยปีละ 1,100 ล้านบาทเท่านั้น โดยอัตราการผ่อนชำระของประชาชนต่อเดือนน้อยมาก เนื่องจากมีการขยายระยะเวลาการกู้ออกไป 7 ปี จากเดิม 5 ปี
นายนที ขลิบทอง ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ กล่าวถึงการใช้กองทุนหมู่บ้านปล่อยกู้ให้ชาวบ้านว่า มาตรการนี้จะทำให้เงินลงไปถึงประชาชนได้เร็วและสามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้โดยตรง ซึ่งในการทำงานกองทุนหมู่บ้านนั้นจะมีระบบติดตามอย่างใกล้ชิด และกองทุนที่ได้รับเงินกู้ครั้งนี้เป็นระดับเอและบี ถือว่าเป็นกองทุนที่มีผลการดำเนินงานค่อนข้างดี ที่ผ่านมากองทุนเหล่านี้ก็ทำดีมาโดยตลอด ดังนั้นกองทุนต้องรักษาชื่อเสียงและผลงานตัวเองไว้ อย่างไรก็ตาม หากกองทุนไหนมีปัญหาจะถูกระงับการเบิกจ่ายเงินทันที และในการปล่อยกู้กองทุนจะมีระบบในการดูแลกันเอง ตรงนี้จะช่วยป้องกันหนี้เสียที่จะเกิดขึ้นได้
- เงินกองทุนฯบาทแรกถึงมือ ปชช.กันยาฯนี้
นายนทีกล่าวต่อว่า หากนโยบายผ่าน ครม. วันที่ 1 กันยายนนี้ จะนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ที่มีนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานทันที คาดว่าเงินบาทแรกจะลงไปถึงประชาชนได้ภายในเดือนกันยายนนี้ ซึ่งขณะนี้มีการเตรียมพร้อมขั้นตอนไว้ส่วนหนึ่งแล้ว
มาตรการกระตุ้นที่ 2 วงเงิน 3.5 หมื่นล้านบาท เป็นของกระทรวงมหาดไทย ที่จะจัดสรรเงินให้เปล่าตำบลละ 5 ล้านบาท จำนวนกว่า 7 พันตำบล เพื่อนำไปจ้างงานในชนบท ตามโครงการที่แต่ละตำบลจะเสนอมาไม่ว่าจะเป็นซ่อม-สร้าง ถนน สระน้ำ โรงเรียน ศูนย์ราชการ โดยงบส่วนนี้สำนักงบประมาณยืนยันว่ามีเงินพร้อมแล้ว ซึ่งนำมาจากงบกลางที่ยังมีอยู่ 5 หมื่นล้านบาท
ส่วนมาตรการที่ 3 คือ เร่งรัดเบิกจ่ายโครงการลงทุนขนาดเล็กวงเงินลงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท ในงบประมาณประจำปี 2559 ให้ได้ภายใน 3 เดือนสุดท้ายของปี 2558 เท่าที่ดูวงเงินอย่างละเอียดพบว่ามีงบอยู่ 1.6 หมื่นล้านบาท การเร่งรัดงบลงทุนขนาดเล็ก เพื่อผลประโยชน์ของผู้รับเหมารายเล็กๆ ที่คาดว่าจะมีการนำเงินดังกล่าวไปจ้างงานหรือใช้จ่ายในพื้นที่
- คลังมั่นใจกระตุ้นศก.ปีนี้โตได้3%
จาก 3 มาตรการที่ออกมากระทรวงการคลังประเมินผลดีต่อเศรษฐกิจถึง 0.4% น่าจะช่วยประคับประคองเศรษฐกิจไทยในปีนี้ โตได้ 3% อย่างที่ตั้งเป้าหมายไว้
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า การใส่เงินลงไปยังภาคประชาชนเป็นหลักการเศรษฐศาสตร์ทั่วไปว่าประชาชนที่มีรายได้น้อยจะมีพลังในการใช้เงินสูงดังนั้นการใช้กลไกของกองทุนหมู่บ้านและการเร่งใช้งบลงทุนรัฐโดยเฉพาะโครงการขนาดเล็กนั้นจะช่วยทำให้เงินไปถึงประชาชนในต่างจังหวัดได้เร็วขึ้น
เงินที่ถูกใส่มือไปยังประชาชนจะหมุนเข้าระบบเศรษฐกิจอย่างน้อย2 เท่าขึ้นไป หากเม็ดเงินมีขนาดใหญ่พอน่าจะมาช่วยชดเชยผลกระทบจากการส่งออกที่คาดว่าปีนี้จะติดลบ 4% นอกจากมาตรการระยะสั้นจะออกมาแล้ว รัฐบาลมีแผนที่จะกระตุ้นการลงทุนเอกชนและมีมาตรการดูแลเอสเอ็มอีที่จะออกตามมาอีก ดังนั้นน่าจะสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยปีนี้โตได้ 3% ตามเป้าหมายของ สศค.ที่วางไว้
นายสมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการวิจัยด้านการพัฒนาอย่างทั่วถึง สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวให้ความเห็นต่อมาตรการกระตุ้นระยะสั้นของทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ว่า เป็นการดำเนินการอย่างที่เคยให้ความเห็นไว้ก่อนหน้าว่าภาวะเศรษฐกิจที่กำลังซบเซาในช่วงนี้ควรต้องเร่งอัดฉีดเม็ดเงินไปยังรากหญ้าเพื่อกระตุ้นการบริโภค เพราะเศรษฐกิจในต่างจังหวัดเริ่มมีปัญหาจากราคาผลผลิตเกษตรตกต่ำ ดังนั้นมาตรการของเศรษฐกิจชุดใหม่ที่กำลังออกมาน่าจะทำให้เกิดความกระชุ่มกระชวย ผู้ผลิตที่ไม่กล้าทำสินค้ามาขายจะกล้าตัดสินใจมากขึ้น แต่ต้องติดตามว่าการเบิกจ่ายเม็ดเงินนั้นจะทำได้รวดเร็วตามแผนที่วางไว้ และเงินถึงประชาชนได้ 100% หรือไม่
- ทีดีอาร์ไอเชียร์แต่ให้ระวังหนี้ครัวเรือน
ทั้งนี้การปล่อยกู้ให้ประชาชนผ่านกองทุนหมู่บ้านในลักษณะปลอดดอก2 ปี น่าจะทำให้เกิดผลดีต่อเศรษฐกิจในระยะสั้นๆ ทำให้คนในต่างจังหวัดมีเงินใช้จ่ายมากขึ้น แต่ต้องติดตามเรื่องภาระหนี้ครัวเรือนที่อาจสูงขึ้น พร้อมทั้งต้องติดตามว่าหลังจาก 2 ปี การจ่ายดอกเบี้ยและจ่ายคืนต้นเงินจะเป็นอย่างไร หากนำเงินไปจับจ่ายหมดจะเอาเงินจากไหนมาใช้หนี้คืน
ส่วนการให้เงินกระทรวงมหาดไทยไปทำโครงการซ่อมสร้าง3.5 หมื่นล้านบาทนั้น ติดใจอยู่นิดเดียวว่าทำไมต้องเป็นมหาดไทย เพราะมองว่าเงินตรงนี้น่าจะนำไปทำประโยชน์ในด้านการบริหารจัดการน้ำ อาทิ กรณีสร้างฝายหรืออ่างเก็บน้ำขนาดเล็กเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้ง น้ำท่วม ดังนั้น อยากให้กระทรวงมหาดไทยที่ได้รับเงินไปเปิดใจกว้างคุยประสานกับหน่วยงานที่ทำเรื่องน้ำอยู่แล้วอย่างมูลนิธิปิดทองหลังพระและมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง เพื่อนำเงินที่ได้รับมานั้นไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด สำหรับเรื่องการเร่งรัดเบิกจ่ายงบต่ำกว่า 1 ล้านบานนั้น มองว่าเม็ดเงินน้อยไปแค่ 1.6 หมื่นล้านบาท อาจช่วยเศรษฐกิจได้ไม่มาก
นอกจากมาตรการกระตุ้นรากหญ้าแล้วสิ่งที่อยากเห็นทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ทำต่อคือการวางพื้นฐานเศรษฐกิจในระยะยาวทั้งการสานต่อโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของทีมเศรษฐกิจหม่อมอุ๋ย (ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี) รวมถึงการปฏิรูปภาษี ที่นายสมหมาย ภาษี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังทำไว้ค่อนข้างดีแล้ว
ก้าวแรกของการทำงานของ "ทีมสมคิด" เริ่มขึ้นแล้ว หลังจากนี้คงต้องติดตามมาตรการระยะ 2 และ 3 ที่จะตามมา ทั้งเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจภูมิภาค ฟื้นโอท็อป ปัดฝุ่นคลัสเตอร์ พัฒนาเอสเอ็มอี สร้างผลประกอบการใหม่ ผลักดันการลงทุนขนาดใหญ่ แม้จะเป็นเรื่องที่เคยได้ยินมานานกว่า 10 ปี แต่เมื่อถูกนำมารีแบรนด์ใหม่อีกรอบก็เป็นเรื่องที่น่าจับตาว่าจะเดินหน้าไปได้ไกลแค่ไหน
มีเสียงกระซิบมาจากเอกชนว่ามาตรการที่เริ่มแย้มๆ ออกมาบ้างแล้วนั้นไม่ใช่เพิ่งมาคิด หรือเพิ่งมาทำ แต่มีการซุ่มทำและถูกนำไปขายแนวคิดทั้งกับภาคเอกชน นักวิชาการ มากว่า 1 เดือนแล้ว รวมถึงมีการนำไปหารือกับกระทรวงมหาดไทยที่คุม อบต. อบจ.ให้เข้ามาร่วมทำงานนี้
แว่วๆ มาว่าทั้งแพคเกจใหญ่จะมีเม็ดเงินหมุนในระบบเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 3-4 แสนล้านบาท น่าจะเพียงพอที่จะพยุงเศรษฐกิจแบบไม่ให้เสียชื่อ "ทีมสมคิด"
หลังจากนี้ เหลือเพียงรอดูผล จะหมู่หรือจ่า
ที่มา : มติชน วันที่ 31 ส.ค. 2558
มูลนิธิชีวิตไท (Local Act)
129/250 หมู่บ้านเพอร์เฟคเพลส รัตนาธิเบศร์ ถนนไทรม้า ต.บางรักน้อย อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
โทรศัพท์: 02-048-5465 E-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.