วรพนธ์ สาสดี เกิดในครอบครัวชาวสวนส้มบางมด แหล่งปลูกส้มเขียวหวานสายพันธุ์ดีของประเทศ ต่อมาพื้นที่บางมดประสบปัญหาน้ำเค็มจากทะเลหนุน ปลูกส้มไม่ได้ ครอบครัวจึงได้ย้ายมาทำสวนส้มที่คลองรังสิต ต.หนองสามวัง อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี วรพนธ์ทุ่มเทลงทุนทำสวนส้มด้วยการใช้สารเคมี ปุ๋ยเคมี ยาฆ่าแมลงอย่างหนัก ด้วยคาดหวังผลผลิตจำนวนมากเพื่อให้ทันกับความต้องการของตลาดและรายได้อันงดงาม
ต่อมาปี 2543 สวนส้มคลองรังสิตประสบปัญหาดินเป็นกรด จากการใช้สารเคมีมายาวนาน เกิดโรคระบาด ผลส้มร่วง ต้นส้มยืนต้นตาย วรพนธ์ได้หนีปัญหาโดยย้ายไปเช่าที่ดินปลูกส้มแห่งใหม่ที่จังหวัดกำแพงเพชร แต่ทำไปได้เพียงไม่กี่ปี ปัญหาเดิม ๆ ก็กลับมา
วรพนธ์เดินมาจนสุดทาง คือ ประสบปัญหาหนี้สินล้นพ้นตัว มีหนี้รวมกันกว่า 3 ล้านบาท ถูกธนาคารยื่นฟ้อง ไม่มีเงินลงชำระหนี้และลงทุน ต้องขายทรัพย์สินและของมีค่าของครอบครัวเพื่อชำระหนี้ แต่ใจยังไม่ย้อมแพ้ อยากปลูกส้มต่อไปและรู้ว่าทุกปัญหาย่อมมีทางออก ด้วยการสู้และปรับเปลี่ยนด้วยตนเอง ไม่อาจคาดหวังความช่วยเหลือจากคนอื่นได้
ภายหลังจากการเรียนรู้แนวทางเกษตรอินทรีย์ การฟื้นฟูแก้หนี้ของตนเอง วรพนธ์เชื่อมั่นว่าแนวทางนี้จะทำให้เขามีเงินชำระหนี้แน่นอน ซึ่งเขาได้พิสูจน์ หักดิบ ปรับเปลี่ยนวิถีการผลิตจากเคมีสู่อินทรีย์ ปลูกส้มแบบไม่ใช้สารเคมี ในปี 2558 และพบว่าผลผลิตในสองปีแรกลดน้อยลง แต่เมื่อเข้าสู่ปีที่สามผลผลิตได้เพิ่มเป็นทวีคูณ ยิ่งลงมือทำอินทรีย์ เขายิ่งเห็นการตอบสนองของต้นส้มในทิศทางที่ดีขึ้น ผลผลิตมีคุณภาพ มีตลาดรองรับ มีความหวังในการจัดการปัญหาหนี้สินในอนาคต
จากนั้นวรพนธ์ขยายผลองค์ความรู้การผลิตส้มอินทรีย์สู่เกษตรกรในพื้นที่ ก่อตั้งกลุ่มปิ่นโตเกษตรอินทรีย์ โดยใช้กลุ่มร่วมมือกันผลิต จัดการตลาดร่วมกัน มีอำนาจในการต่อรอง โดยคาดหวังให้เกษตรกร ชุมชนและสังคมดีขึ้นไปพร้อมกัน
ดำเนินการผลิต : มูลนิธิชีวิตไท(Local Act)
วันที่ผลิต : กุมภาพันธ์ 2561
สนับสนุนการผลิต : สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.)