กำลังกลายเป็น “ประเด็นร้อน” ขึ้นมาอีกเรื่องของ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็คือ “ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง” ทั้งที่ “เป็นภาษีที่ดี” แต่เมื่อหลักการใหญ่ไม่ถูกต้อง ก็ส่งผลให้มีเสียงค้านเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ที่น่าเสียดายก็คือทำท่าจะ “เสียของ” เหมือน “ระบอบประชาธิปไตย” ที่กำลังเขียนอยู่ในร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หลายเรื่อง
ที่ผมบอกว่า “ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง” เป็น “ภาษีที่ดี” ก็เพราะ สามารถช่วยลดความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวยคนจนลงได้ ถ้ามีการจัดเก็บภาษีตามหลักการภาษีที่ถูกต้อง ผมขอยกตัวอย่างภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างใน กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ที่คนไทยรู้จักกันดี มีเศรษฐีไทยไปซื้อบ้านกันเยอะ นักการเมืองไทย ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ไทย ก็ไปซื้อบ้านที่อังกฤษกันเยอะ (เพราะรวยอะใครจะทำไม) เศรษฐีไทยเหล่านี้คุ้นเคยกับเสียภาษีบ้านและที่ดินที่แพงลิ่วในกรุงลอนดอนเป็นอย่างดี
กรุงลอนดอน จะแบ่งพื้นที่ออกเป็นโซน เช่น โซน 1 2 3 4 เพื่อความสะดวกในการแบ่งอัตราภาษี แต่ละโซนจะเสียภาษีบ้านและที่ดินในอัตราที่ต่างกัน เช่น โซน 1 ที่อยู่ใจกลางกรุงลอนดอน จะเสียภาษีบ้านและที่ดินแพงที่สุด เพราะถือว่าอยู่ใจกลางเมืองหลวง เป็นที่ตั้งของศูนย์กลางการเงินและบริษัทขนาดใหญ่ แม้แต่รถยนต์ที่เข้าไปในโซน 1 ก็ต้องจ่ายค่าเข้าโซนครั้งละ 3 ปอนด์หรือ 5 ปอนด์ ผมจำไม่ได้แล้ว ใครที่ทำงานอยู่ในย่านนี้ ส่วนใหญ่จะซื้อค่าเข้าโซนเป็นรายเดือน ไม่งั้นก็ต้องนั่งรถเมล์ รถแท็กซี่ หรือรถไฟใต้ดินแทน
ส่วน โซน 2 โซน 3 โซน 4 ที่อยู่ไกลออกไปจากใจกลางกรุงลอนดอน อัตราภาษีก็จะลดลงไปเรื่อยๆ วิธีนี้นอกจากจะได้ภาษีจากคนรวยและบริษัทร้านค้าที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเต็มเม็ดเต็มหน่วยแล้ว ยังช่วยจัดโซนนิ่งที่อยู่อาศัยด้วยและย่านธุรกิจอีกด้วย กล่าวคือ คนรวยที่มีเงินจ่ายภาษี ก็สามารถอยู่ในคอนโดมิเนียมใจกลางกรุงลอนดอนได้ ส่วนคนที่รวยไม่พอ ก็ต้องย้ายไปอยู่ในโซนที่ไกลออกไปตามฐานะการเงิน ซึ่งจะช่วยลดความแออัดของตัวเมืองและการจราจรในเมืองทางอ้อมอีกด้วย
ภาษีบ้านและที่ดินที่เก็บได้จากคนรวยโซนใน รัฐก็นำไปพัฒนา สาธารณูปโภคในโซนที่อยู่ไกลออกไป เพื่อช่วยให้คนจนหรือคนที่มีรายได้ต่ำกว่า มีสิ่งแวดล้อมที่ดี มีสาธารณูปโภคใช้อย่างพอเพียง แต่รัฐต้องดูแลเศรษฐีโซน 1 อย่างดีที่สุด ในฐานะผู้จ่ายภาษีสูงสุด รัฐจะได้มีเงินภาษีไปดูแลคนจนในโซนที่ไกลออกไปได้นานๆ
ภาษีบ้านและที่ดินจะมีการประเมินทุกปี ตามราคาบ้านและที่ดินที่เพิ่มขึ้น เพื่อเก็บภาษีเพิ่มขึ้น จะได้มีเงินไปช่วยเหลือคนจนมากขึ้น ภาษีบ้านเศรษฐีบางหลัง แพงกว่าราคาบ้านคนจนด้วยซ้ำ นี่คือ ระบบภาษีที่ช่วยลดความเหลื่อมล้ำที่ดีที่สุด
แต่น่าเสียดายที่รัฐบาลกำลังจะทำเสียของอีกแล้ว
ทีนี้มาดู ภาษีบ้านและที่ดิน หรือ ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สั่งให้ กระทรวงการคลัง ของ คุณสมหมาย ภาษี ดำเนินการ เพื่อทดแทน ภาษีบำรุงท้องที่ และ ภาษีโรงเรือนและที่ดิน ที่เก็บอยู่แล้วแต่ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย
ตัวเลขล่าสุดที่เคาะกันออกมาก็คือ บ้านราคาไม่ถึง 1 ล้านบาท ไม่ต้องเสียภาษี บ้านราคาตั้งแต่ 1–3 ล้านบาท เสียภาษี 0.1% แต่ได้รับการลดหย่อนภาษี 50% เท่ากับว่าบ้านราคา 1 ล้านบาท เสียภาษีปีละ 500 บาท บ้านราคา 3 ล้านบาท เสียภาษีปีละ 1,500 บาท และ บ้านราคา 3 ล้านบาทขึ้นไป เสียภาษี 0.1% เท่ากันหมด เป็นภาษีที่ถูกมาก
แต่การเก็บภาษีแบบนี้ ถือว่ายังไม่เป็นธรรม และ ไม่ได้ช่วยลดความเหลื่อมล้ำ เพราะ บ้านเศรษฐีหลังละ 300 ล้านบาท เสียภาษีเท่าบ้านหลังละ 3 ล้านบาท ผิดหลักการรวยมากจ่ายมาก รวยน้อยจ่ายน้อย และไม่มีการแบ่งโซนเพื่อกำหนดอัตราภาษีที่แตกต่างกัน
เรื่องนี้ไม่ต้องไปคิดให้เมื่อยสมองเลยครับ ไปลอกเขามาทั้งหมด แล้วลดอัตราภาษีให้เหมาะสมกับบ้านเรา ก็ใช้ได้แล้ว นอกจากจะ ช่วยลดความเหลื่อมล้ำ ยังช่วย ลดความอิจฉา ของคนจนต่อคนรวยได้อีกด้วย แล้วสังคมไทยก็จะอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุขกันมากขึ้น
ที่มา : ไทยรัฐ วันที่ 10 มี.ค. 2558
มูลนิธิชีวิตไท (Local Act)
129/250 หมู่บ้านเพอร์เฟคเพลส รัตนาธิเบศร์ ถนนไทรม้า ต.บางรักน้อย อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
โทรศัพท์: 02-048-5465 E-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.