สงครามแย่งชิง "ทรัพยากร"

นายศรีสุวรรณ จรรยา
นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน
www.thaisgwa.com

เมื่อการเจรจาลับแสนล้านไม่สามารถนำไปสู่ข้อตกลงเพื่อการปรองดองได้ เพราะมองซ้ายมองขวาก็มีแต่คนถล่ม คนคัดค้าน แต่ทว่าคนเราต้องดูแลลูกน้องไม่ให้ขัดสน จะทำตัวเป็นพระเอกตลอดไปคงไม่ได้ อารมณ์เลยหงุดหงิด ฟาดงวงฟาดงาไปเรื่อย เมื่อหาหนทางอื่นใดไม่ได้แล้ว ก็เห็นจะมีแต่เรื่องเดียวที่สามารถใช้อำนาจดำเนินการได้อย่างเป็นกอบเป็นกำนับหมื่นล้าน นั่นคือ สัมปทานปิโตรเลียม

     แต่เผอิญศัตรูตัวฉกาจในกรณีนี้กลับกลายเป็นภาคประชาชน และคนตัวเล็กตัวน้อย ที่ได้รับผลกระทบเต็ม ๆ จากนโยบายและโครงสร้างด้านพลังงาน แม้จะไม่มีอำนาจบารมีและกระบอกปืนอยู่ในมือ แต่ด้วยแรงแข็งขันของเครือข่าย และการสบโอกาสในการใช้เครื่องมือสารสนเทศในระบบโซเชียลมีเดีย ช่วยปลุกเร้ากระตุ้น ให้มวลมหาประชาชนได้เลิกฝันหวาน หันกลับมาเผชิญกับความจริงเสียว่า "ไม่มีอัศวินม้าขาว" สำหรับประเทศสารขันธ์นี้อีกต่อไป

     แต่การเจรจากับกลุ่มทุนพลังงานน่าจะ "เอาอยู่" ได้มากกว่า เพียงแต่พยายามสร้างกระแสโต้ตอบภาคประชาชน เพื่อให้เกิดความหวาดกลัวสักหน่อย เช่น พลังงานจะหมดไปภายใน 7 ปีข้างหน้าถ้าไม่รีบดำเนินการเสียแต่วันนี้ เราจะเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนพลังงานได้ในไม่ช้า และเมื่อถึงวันนั้น "ใครจะรับผิดชอบ" แถมกำชับให้ลิ่วล้อพูดตาม เออตามให้เป็นปี่เป็นขลุ่ย ห้ามแตกแถวเสีย

     เผอิญชาวบ้านร้านค้าเขารู้ทัน เล่ห์ฉลเพทุบายแบบตื้น ๆ ภาคประชาชนและผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้าน ของเมืองหลายคนจึงออกมาตั้งโต๊ะแถลงถึงความไม่ชอบมาพากล และล่ารายชื่อเร่งเร้าให้รีบแก้ไขกฎหมายที่เอื้อประโยชน์ให้ทุนพลังงาน 2 ฉบับนั้นเสีย

     เมื่อกระแสการคัดค้านการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมเริ่มแรง ชนิดที่รั้งให้หยุด ฉุดไม่อยู่ ดาวพระศุกร์จึงจำใจต้องเปลี่ยนท่าทีวงโคจร จำต้องโอนอ่อนผ่อนตามบ้าง โดยเปิดที่ทำการหอคอยงาช้างให้ภาคประชาชนมาถกแถลง นำเสนอเหตุและผลกันทั้งสองฝ่ายว่าตกลงจะเดินหน้าไปในทิศทางใดระหว่างการพัฒนาปิโตรลียมในอนาคตแบบเดิม คือ ระบบสัมปทาน หรือระบบใหม่ที่ทั่วโลกนิยมใช้คือ ระบบสัญญาแบ่งปันผลผลิต (PSC) และระบบสัญญาจ้างผลิต แต่คนที่มาถกแถลง ฉันต้องเลือกเองนะ

     การเปิดเวทีพูดคุยกันนั้น เป้าหมายเพียงเพื่อลดกระแสการต่อต้านคัดค้านลงเท่านั้น เพราะลิ่วล้อต่าง ๆ ได้วางแผนงาน ออกประกาศกำหนดขั้นตอน วิธีการดำเนินงานในระบบสัมปทานไว้เรียบร้อยหมดแล้ว แม้จะขยายระยะเวลาของการยื่นข้อเสนอออกไปอีกหนึ่งเดือน ก็หาใช่เป็นการคล้อยตามเสียงของประชาชนไม่

     อันที่จริงแม้ไม่เปิดสัมปทาน ก็ไม่ทำให้ประเทศชาติขาดแคลนพลังงาน ใครบอกว่าขาด เชื่อเถิดว่าเป็นการสร้างเล่ห์ฉลในข้อมูลข่าวสารเท่านั้น วันนี้ประเทศรัสเซียพร้อมขายแก๊สให้ได้ไม่อั้นในราคาถูก ๆ ถูกกว่าที่ขายกันในท้องตลาดปัจจุบันเยอะเลย ส่วนประเทศอิหร่านก็พร้อมที่จะขายแก๊สและน้ำมันในราคาพิเศษให้กับเราอย่างไม่อั้นเหมือนกัน ประเทศเราไม่มีทางขาดแคลนน้ำมันและแก๊ส อย่ามาขู่ อย่ามาโกหกพกลมกันดีกว่า

     แม้กลุ่มดาวพระศุกร์จะมีความจริงใจในการแก้ไขปัญหา แต่กลับไปไว้ใจพวกเทคโนแครตและข้าราชการธิปไตย ที่ตกเป็นทาสทุนนิยม ฝังลึกอยู่ในจิตใจมานานแล้ว พอพบสบโอกาสได้ขึ้นวอ ก็แสดงท่าทีเก่งกล้า ทุรยศต่อการฟังเสียงของประชาชน

     แหล่งพลังงานของไทย ไม่เน่าเสีย ไม่ขุดขึ้นมาใช้ในวันนี้ วันหน้าลูกหลาน เหลน โหลนในภายภาคหน้า มันก็มีปัญญา แสวงหาภูมิรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรมนำมาใช้ประโยชน์ต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มกว่าปัจจุบันได้หลายเท่า มิต้องเร่งรีบขายทรัพยากรให้กับนายทุนพลังงาน นำไปกอบโกยโดยประเทศชาติได้ผลตอบแทนเพียงน้อยนิด

     หรือหากจะให้กรมพลังงานทหารทำกิจการพลังงานใหม่ รับหน้าที่พัฒนาแหล่งพลังงานของชาติเสียทั้งหมด ภายใต้การควบคุมของรัฐบาล ก็น่าจะดีกว่าปล่อยให้เอกชนเข้ามากอบโกยแหล่งพลังงานของชาติไปอย่างไม่เป็นธรรม

     นอกจากทรัพยากรปิโตรเลียมแล้วยังมีทรัพยากรแร่ทองคำ แร่เหล็ก แร่โปรแตสฯ ฯลฯ อีกมากมายที่กลุ่มนายทุนขุนศึก ได้วางแผนร่วมกันกับพวกเทคโนแครตตกขอบที่เกษียณไปแล้วแต่กลับมามีอำนาจใหม่ เร่งวางแผนเปิดให้สัมปทานกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน โดยเฉพาะแหล่งแร่ทองคำที่วางแผนไว้ว่าจะเปิดให้สัมปทานทั่วประเทศกว่า 300 แปลง 954,937 ไร่ โดยที่ไม่เคยคำนึงถึง หรือทบทวน หรือแสดงความรับผิดชอบใด ๆ ต่อการอนุญาตให้ดำเนินการทำเหมืองแร่ที่ผ่านมาแล้วกระทบต่อคุณภาพชีวิตของชาวบ้านรอบเหมือง

     สารพิษที่แพร่กระจายออกมาจากกระบวนการทำเหมืองจนชาวบ้านเจ็บป่วย ล้มตาย ต้องเผชิญกับสารไซนาไนต์ สารโลหะหนัก ปรอท แคดเมียม และฝุ่นละออง ชาวบ้านต้องสูญเสียเงินทองไปกับการรักษา เยียวยา จิตใจ ร่างกาย จนยากไร้สิ้นเนื้อประดาตัว แต่ข้าราชการ นักการเมือง หรือผู้ใช้อำนาจทางปกครองกลับอิ่มหมีพลีมัน ยิ้มแย้มแจ่มใสกับอั่งเปา กระเช้าของขวัญ และทรัพย์ศฤงคารที่ไม่สามารถตรวจสอบที่มาได้

     น่าเสียดายที่เวลานี้ทรัพยากรของชาติ ของแผ่นดินกำลังจะถูกนายทุนขุนศึกยึดเอาไปเป็นของส่วนตัวจนหมดเสียแล้วทั้งบนบกและในทะเล แม้รัฐธรรมนูญ มาตรา 3 จะบัญญัติไว้ว่า อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน ก็ตาม แต่ทว่าข้อเท็จจริงชาวบ้านร้านค้า หาได้มีปากมีเสียง หรือมีน้ำหนักเพียงพอที่จะยื้อหยุด มิให้ผู้ใช้อำนาจรัฐร่วมกับนายทุนขุนศึกเข้ามาเหยียบย่ำ หรือย่ำยีได้

     กรณีที่บ้านนามูล ตำบลดูนสาด อำเภอกระนวน จังหวัดขอนแก่น ที่ผู้เฒ่า ผู้แก่ ผู้หญิง เด็กเล็ก ฯลฯ ออกมาคัดค้านรถบรรทุกหนักในการขนย้ายเครื่องกลหนักอุปกรณ์การขุดเจาะผลิตปิโตรเลียมเข้าไปในพื้นที่อย่างผิดกฎหมาย ก็เป็นตัวอย่างที่เห็นกันชัดเจนว่า อำนาจอธิปไตยเป็นของใคร

     แถมสิ่งที่เกินเลยไปกว่านั้น คือเหล่าข้าราชการในพื้นที่ทุกระดับต่างออกมาคอยอารักขา ปกป้อง อำนวยการให้ผู้ประกอบการดังกล่าวสามารถขนย้ายเครื่องจักรกลหนักเข้าพื้นที่ได้อย่างง่ายดาย แต่เป็นที่อับอายขายหน้าประชาชนไปทั้งชาติ ทั้งแผ่นดิน ที่ข้าราชการไทยเป็นเครื่องมือในการดำเนินงานของบริษัทเอกชนไปเสียแล้ว แถมยังเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ไม่บังคับใช้กฎหมาย ในขณะที่พบเห็น ความผิดซึ่งหน้า แล้วโดยชัดเจน โดยเฉพาะการที่ปล่อยให้รถบรรทุกหนักที่มีระวางบรรทุกมากกว่า 50 ตันขึ้นมาใช้ถนนหลวงชนบท และถนนท้องถิ่น ที่มีข้อห้ามบรรทุกน้ำหนักเกิน 19 ตันไปได้อย่างไร เพราะเจ้าหน้าที่รัฐเหล่านั้นเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา กฎหมายเขาเขียนไว้ชัดแล้ว แต่อาจแสร้งทำเป็นไม่รู้ ไม่เห็น

     เรื่องนี้ได้ถึงมือคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติแล้ว เพื่อที่จะได้ตรวจสอบเอาผิดกับเหล่าข้าราชการที่เข้าร่วมขบวนการเหล่านั้นทั้งหมด บ้านเมืองมีขื่อมีแป หากคิดว่าเป็นข้าราชการทำอะไรก็ได้ไม่ผิดแล้วละก็ เดี๋ยวก็รู้ ในเมื่อรัฐธรรมนูญเขาบัญญัติไว้ชัดเจนว่า

     "ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพและความเสมอภาค บรรดาที่ชนชาวไทยเคยได้รับการคุ้มครองตามประเพณีการปกครองประเทศไทยในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและตามพันธกรณีระหว่างประเทศที่ประเทศไทยมีอยู่แล้ว ย่อมได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ"

ที่มา : สยามรัฐ วันที่ 19 ก.พ. 2558