โดย คุณนิติ นวรัตน์
เกษตรกรไทยที่ส่งลูกหลานเข้าไปเรียนในเมือง จบแล้วไม่มีงานทำเป็นจำนวนเกินแสนคน ลูกหลานเหล่านี้ ในอดีตไม่ช่วยพ่อแม่ทำงานเกษตร จึงไม่มีความรู้ด้านการเกษตร พอตกงานก็ร้องโอดโอยโหยหวน ส่วนพวกบัณฑิตใหม่ที่เคยช่วยพ่อแม่ทำเกษตรกรรม ตกงานก็ยังมีความรู้พอที่จะกลับไปสร้างผลผลิตในผืนดินทางการเกษตรของบรรพบุรุษของตนเอง
ประเทศไทยในปัจจุบันเกิดกลุ่มเกษตรกรอีกประเภทหนึ่งซึ่งเรียกตัวเองว่า ‘ชาวนาวันหยุด’ พวกนี้จะเป็นคนที่มีการศึกษาดี มีหน้าที่การงานในเมืองมั่นคง แต่จะใช้เวลาในวันหยุดไปทำการ เกษตรอินทรีย์ ไม่ใช้ปุ๋ยเคมี ไม่ใช้ยาฆ่าแมลง เมื่อได้ผลผลิตมาแล้วก็จะนำไปขายในตลาดบน จำนวนหนึ่งขายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรออนไลน์ เท่าที่มีการติดตามถามข่าว เกษตรกรพวกชาวนาวันหยุด มีรายได้ดี มีจำนวนไม่น้อยลาออกจากงานประจำมาทำเกษตรอินทรีย์ครบวงจร หลังจากที่ทดลองทำมาแล้วในระยะหนึ่ง ก็หันมาทำเกษตรเป็นอาชีพหลัก
เข้าไปอ่านคำวิจารณ์ในโซเชียลมีเดีย จะเห็นว่า มีทั้งชื่นชมและโจมตี สำหรับผม ผมว่าเป็นเรื่องดีครับ ที่คนมีความรู้ มีการบริหารจัดการที่เป็นระบบ รู้ภาษาและมีตลาด จะเข้าไปสู่กระบวนการผลิตทางการเกษตร เท่าที่เข้าไปดูภูมิหลังของชาวนาวันหยุด ส่วนใหญ่จะมีภูมิหลังเรียนมาทางวิศวกรรม คอมพิวเตอร์ บริหารธุรกิจฯลฯ และมักจะทำกันเป็นกลุ่ม
พฤติกรรมของคนพวกนี้ในสมัยก่อนก็คือ พาครอบครัวไปพักผ่อนตามรีสอร์ต ขับรถไปเที่ยวต่างจังหวัด ซึ่งพฤติกรรมเหล่านั้นมีแต่ใช้สตางค์ เมื่อเปลี่ยนสถานะมาเป็นชาวนาวันหยุด ความที่ทำเป็นกลุ่ม ทำให้มีสังคมกลุ่มที่แน่นแฟ้นขึ้น มีการระดมความคิด
มีการค้นคว้าพัฒนากระบวนการผลิต การจำหน่าย และระบบจัดการที่มีประสิทธิภาพ เมื่อก่อน ชาวนาวันหยุดเหล่านี้ต้องซื้อข้าว พืชผัก และผลไม้ทาน ซึ่งเกษตรกรแบบดั้งเดิมใช้ทั้งยาฆ่าแมลง ใส่ทั้งปุ๋ยเคมี ผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำก็แช่ฟอร์มาลิน ที่ซื้อทานนั้น เป็นโรคภัยไข้เจ็บทั้งนั้น
การเป็นชาวนาวันหยุดช่วยให้ไม่ต้องซื้อผลผลิตทางการเกษตร ได้อาหารปลอดภัย เมื่อมีผลิตภัณฑ์ส่วนเกินก็กำจัดด้วยการแลกเปลี่ยนกัน หรือนำไปขายให้เพื่อนร่วมงานในสำนักงาน ในตลาด ขายออนไลน์ ได้เงินเพิ่มสมัยก่อน เพื่อนร่วมรุ่น กลุ่ม ชมรม สมาคม หรือเพื่อนร่วมธุรกิจมักจะมีกิจกรรมร่วมกันด้วยการตีกอล์ฟ แต่เดี๋ยวนี้ กลับใช้เวลาในวันหยุดไปสร้างผลผลิตทางการเกษตรด้วยกัน ได้ออกกำลังกายกลางแจ้งสองสามวันต่อหนึ่งสัปดาห์ทำให้มีสุขภาพดีขึ้นทั้งครอบครัว
เกษตรกรดั้งเดิมที่ใช้ยาฆ่าแมลงและสารเคมี ต่อไปในอนาคตจะขายสินค้าของตนเองไม่ได้ ไม่ว่าจะองค์ความรู้ เงินทุน ตลาด ฯลฯ สู้พวกชาวนาวันหยุดไม่ได้ เกษตรกรดั้งเดิมจำนวนไม่น้อยพลอยฉวยโอกาสขายที่ดินทำกินของตนให้กับกลุ่มคนที่เป็นชาวนาวันหยุด เมื่อขายที่ดินของตนเองไปแล้วก็เปลี่ยนสถานะมาเป็นลูกจ้างที่รับค่าแรงเป็นรายวัน เงินที่ได้จากการขายที่ดินใช้เพียงเดี๋ยวเดียวก็หมด โอกาสที่จะสะสมเพื่อซื้อที่ดินทำกินแปลงใหม่ไม่มีอีกเลย หากจะหวนมาทำการเกษตรอีกครั้ง ก็ต้องเช่าที่ดินนายทุน
เมื่อก่อน ลูกหลานตกงานจากในเมืองยังกลับมาชนบท มาอาศัยในที่ดินของบรรพบุรุษเป็นที่ซุกหัวนอนป้อนกระเพาะ แต่พอพ่อแม่แปลงสถานะเป็นลูกจ้าง ก็กลับมาไม่ได้แล้วละครับ กลายเป็นคนจนในเมืองที่ไม่มีที่ไป วันไหนตกงานและอด ก็อดจริงๆ อดแบบหิวโซ
เคยอ่านหนังสือเรื่องผลกระทบวิกฤติการเงินที่เริ่มในสหรัฐอเมริกาเมื่อ พ.ศ. 2551 อ่านแล้วสงสารผู้คนที่โดนผลกระทบและตกงานครับ ต่อมาได้อ่านผลกระทบจากวิกฤติยูโรใน พ.ศ.2553 อ่านแล้วสงสารคนตกงานโปรตุเกส ไอร์แลนด์ กรีซ และสเปน ที่แย่กว่าคนอเมริกัน
คนตกงานของไทยสมัยใหม่ไม่น้อยเป็นคนตกงานแบบเดียวกับที่ตกงานในโลกตะวันตก ขณะนี้มีสัญญาณออกมาแล้วหลายอย่าง ว่าเราอาจจะมีวิกฤติเศรษฐกิจขนาดย่อมเกิดในอนาคตอันใกล้ ดูจากการประกาศขายอสังหาริมทรัพย์ โรงแรม และรีสอร์ตหลายแห่ง เริ่มมีประกาศขายเฟอร์นิเจอร์ (บางส่วน) ที่สุดเลยก็คือ แห่ประกาศขายอุปกรณ์ครัว
ขับรถไปในโซนตะวันออกของกรุงเทพฯที่ผมอยู่ ก็เริ่มเห็นกองวัสดุทิ้งไว้ในสถานที่ก่อสร้างหลายแห่ง
สถานก่อสร้างร้างคนงาน ส่งสัญญาณเจ้าของไม่มีเงินจ่ายค่าแรง
บางแห่ง ขโมยเข้าไปเอาอิฐ กระเบื้อง วงกบประตู กันแล้วครับ
ที่มา : ไทยรัฐ วันที่ 11 ส.ค. 2557
มูลนิธิชีวิตไท (Local Act)
129/250 หมู่บ้านเพอร์เฟคเพลส รัตนาธิเบศร์ ถนนไทรม้า ต.บางรักน้อย อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
โทรศัพท์: 02-048-5465 E-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.