การปฏิรูปสังคมไทยให้เกิดความเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำอย่างเป็นรูปธรรมประการหนึ่งคือปัญหา “การถือครองที่ดินกระจุกตัว” เฉพาะคนไม่กี่กลุ่มในประเทศที่กลายเป็นความไม่เท่าเทียมและการเอารัดเอาเปรียบอย่างเห็นได้ชัดเจนมาตลอด
เศรษฐีไม่กี่ตระกูลในประเทศนี้เป็นเจ้าของที่ดินรวมกันแล้วมากกว่าคนไทยทั่วไปเกือบครึ่งประเทศ
นอกจากนั้นยังมีหลักฐานยืนยันว่านักการเมืองประจำพรรคการเมืองใหญ่ก็ถือ ครองที่ดินจำนวนมากจนเห็นได้ชัดถึงความผิดปกติของสังคมที่เรียกร้องความเป็น ธรรมกันมาตลอดทั้ง ๆ ที่ความไม่ชอบมาพากลนั้นเกิดขึ้นใต้ตอนี่เอง
งานวิจัยเรื่อง “การกระจุกตัวของความมั่งคั่งในสังคมไทย” โดย ดร. ดวงมณี เลาวกุล อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ระบุว่า11 พรรคการเมืองถือครองที่ดินถึง 3.57 หมื่นไร่ มูลค่ารวมถึง 1.56 หมื่นล้านบาท
ข้อมูลจากรายงานชิ้นนี้ที่ปรากฎในหนังสือพิมพ์ “ประชาชาติ” สัปดาห์นี้บอกว่านักการเมืองที่ถือครองที่ดินจำนวนมากนั้นอันดับที่หนึ่งคือ พรรคเพื่อไทย ตามมาด้วยพรรคประชาธิปัตย์
ข้อมูลนี้ไม่ได้มาจากไหน หากแต่รวบรวมจากรายงานของนักการเมือง 507 คนจาก 11 พรรคการเมืองที่แจ้งทรัพย์สินกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่ง ชาติ (ป.ป.ช) โดยนักการเมืองถือครองที่ดินมากที่สุดมีประมาณ 2,000 ไร่ และน้อยที่สุด 13 ตารางวา
ที่ว่าเป็นห่วงมากก็คือผลวิจัยชิ้นนี้พบว่าระหว่างกลุ่มที่ถือครองที่ดินมากที่สุดและน้อยที่สุดแตกต่างกันถึง 325.7 เท่า
ในภาพรวม ผู้ถือครองที่ดินตั้งแต่ 1 ตารางวาถึง 1 ไร่ มีสัดส่วนรวมกัน 50.1% หรือเกือบ 8 ล้านราย
แปลว่าคนไทยครึ่งหนึ่งมีที่ดินไม่เกิน 1 ไร่
และ 1.8% หรือ 2.85 แสนรายถือครองที่ดินไม่เกิน 10 ตารางวาเท่านั้นจึงเป็นคำถามในสังคมไทยมาตลอดว่านักการเมืองที่อาสามาแก้ปัญหาบ้านเมือง นั้นจะจริงจังกับการผลักดันร่าง พ.ร.บ. ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ต่างประเทศเรียกว่า Property Tax หรือไม่ เพราะหากผ่านเป็นกฎหมาย, กลุ่มของตนจะเป็นผู้ต้องเสียประโยชน์มากกว่าประชาชนทั่วไป
เมื่อข่าวบอกว่าสำนักงานเศรษฐกิจการคลังได้เสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คชส.) ให้พิจารณาผ่านกฎหมายฉบับนี้เพื่อทดแทนภาษีบำรุงท้องที่และภาษีโรงเรือนและ สิ่งปลูกสร้างที่ใช้มาช้านาน จึงน่าสนใจอย่างยิ่งว่าการ “ปฏิวัติ” การเมืองครั้งนี้จะนำไปสู่การ “ปฏิรูป” สังคม ให้เกิดความเท่าเทียมระหว่างคนร่ำรวย, ผู้มีอำนาจและความมั่งคั่งกับชนชั้นกลางและชาวรากหญ้าได้อย่างแท้จริงหรือไม่
เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าสาเหตุแห่งความขัดแย้งของสังคมไทยประการหนึ่งนั้น คือการที่นักการเมืองและกลุ่มธุรกิจยักษ์ใช้ทุนและการกระจุกตัวของความ มั่งคั่งนี้กำหนดชะตากรรมของคนไทยส่วนอื่น ๆ ให้การเมืองเดินไปตามแนวทางที่ตนต้องการสอดคล้องกับสัจธรรมที่ว่าชนชั้นใดปกครองบ้านเมือง ชนชั้นนั้นก็ออกกฎหมายเพื่อพวกตนเท่านั้น
เพราะกฎหมายไทยเอื้อให้คนมีทุนสร้างความได้เปรียบต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด กฎหมายส่งเสริมให้ความไม่เท่าเทียมดำรงอยู่และช่องว่างระหว่างคนมีกับคนไม่ มีกว้างขึ้น ภาษาที่ดินและภาษีมรดกไม่เคยผ่านขั้นตอนการพิจารณาของฝ่ายบริหารและ นิติบัญญัติ
ที่ผ่านมามีแต่ “ลีลาท่าที” และ “วาทกรรม” เรื่องจะเก็บภาษีคนรวยเพื่อช่วยคนจน แต่ในทางปฏิบัติไม่เคยสามารถทำให้คนถือครองที่ดินจำนวนมากต้องเสียภาษี สำหรับที่ดินว่างเปล่าที่ไม่ได้ถูกใช้ประโยชน์อย่างจริงจัง
คนมีที่ดินมากอยู่แล้วไม่หยุดขยายการถือครอง มีแต่จะซื้อเพิ่มทั้งด้วยเงินและการบีบบังคับวิธีการต่าง ๆ จนกลายเป็นข่าวคราวในทางลบ เหมือนหนึ่งว่าสังคมไทยยอมให้คนมีเงิน, อำนาจ, บารมีกระทำต่อคนธรรมดาที่เงินทุนน้อยกว่า, อำนาจต่อรองอ่อนกว่าเสมอมา
และยังไม่มีทีท่าว่าปัญหาเช่นว่านี้จะลดน้อยถอยลงไปได้หากไม่มีการ “ยกเครื่อง” กติกาและกฎหมายรวมถึงการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง
ความมั่งคั่งกระจุกตัวเช่นนี้แหละที่ทำให้คนมีเงินซื้อความจงรักภักดีด้วยแนวทางประชานิยม และอ้าง “เสียงส่วนใหญ่” ในสภาเพื่อออกกฎหมายและดำเนินนโยบายที่เอื้อต่อกลุ่มตนต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด
และอ้างว่านี่คือ “ประชาธิปไตย” ที่ทุกคนแสวงหา
ทั้ง ๆ ที่นี่คือ “ธนาธิปไตย” ในคราบของป้ายโฆษณาตัวใหญ่ ๆ ว่า “ประชาธิปไตย”
ตราบที่ความมั่งคั่งยังกระจุกตัวเช่นนี้, การปฎิรูปบ้านเมืองเกิดขึ้นไม่ได้ เพราะ “ประชาธิปไตย” ที่แท้จริงย่อมหมายถึงการลดความเหลื่อมล้ำต่ำสูงและการกระจายการครองสิทธิใน ทรัพย์สินให้กว้างขวางและเท่าเทียมกว่าที่เราเห็นอยู่ในประเทศไทยวันนี้
นี่คืออีกหนึ่งความท้าทายต่อ คสช. นาทีนี้ และนี่ควรจะเป็นหัวข้อต้น ๆ ของ “วาระแห่งชาติ” ของการเปลี่ยนผ่านสู่ “ประเทศไทยโฉมใหม่” อย่างมีนัยสำคัญยิ่ง
ที่มา : Oknation blog โดย สุทธิชัย หยุ่น วันที่ 2 ก.ค. 2557
มูลนิธิชีวิตไท (Local Act)
129/250 หมู่บ้านเพอร์เฟคเพลส รัตนาธิเบศร์ ถนนไทรม้า ต.บางรักน้อย อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
โทรศัพท์: 02-048-5465 E-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.