ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมามูลนิธิชีวิตไท(โลโคลแอค) ได้จัดกิจกรรมพาผู้บริโภคท่องเที่ยวเชิงเกษตรในพื้นที่ไม่ไกลจากเมืองหลวงมากนัก เช่น ทัวร์ล่องเรือ ชิมส้ม ชมสวน ณ แหล่งผลิตส้มเขียวหวานอินทรีย์ ย่านรังสิตคลอง 13 จ.ปทุมธานี ทัวร์ปรุงรักผักอินทรีย์ อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อให้ผู้บริโภคได้สัมผัสแหล่งผลิตอาหารปลอดภัย เรียนรู้วิถีอาชีพของเกษตรกรรายย่อย และได้อุดหนุนผลผลิตของเกษตรกรจากสวนโดยตรง
ครั้งล่าสุดในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา เราได้ปรับรูปแบบกิจกรรม “เปิดบ้านชีวิตไท” และเชิญชวนผู้บริโภคมาร่วม work shop ทำน้ำปั่นผักผลไม้และธัญพืชเพื่อสุขภาพ เมื่อพูดถึงน้ำปั่นผักผลไม้ ที่บางคนใช้ผลไม้ชนิดเดียวปั่นแล้วดื่ม ไม่รู้ว่าสามารถใส่ผักชนิดอื่น ๆ ร่วมด้วยได้ ส่วนใหญ่ปั่นเสร็จดื่มทันที ไม่เคยเติมโน่นนี่เพิ่ม และที่สำคัญคือไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรให้น้ำปั่นผักออกมาได้รสชาติอร่อย
ยังไม่นับรวมสถานการณ์ปัญหาสุขภาพของผู้บริโภคส่วนใหญ่ในปัจจุบัน ทั้งโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง ซึ่งล้วนเป็นโรคที่เกิดขึ้นจากพฤติกรรมการบริโภคและพฤติกรรมการใช้ชีวิตแทบทั้งนั้น ดังนั้นการจัดกิจกรรมครั้งนี้ จึงเป็นอีกแนวทางหนึ่งให้ผู้บริโภคได้นำสิ่งที่ได้ไปปรับใช้ในการดูแลตนเองและคนในครอบครัวไปพร้อมกัน
ทางมูลนิธิฯได้ชวน ป้าหน่อย พอทิพย์ เพชรโปลี ซึ่งอดีตเคยเป็นครูมาก่อน ปัจจุบันทำร้านอาหารเพื่อสุขภาพ Health Me มานาน 13 ปีแล้ว และเมนูน้ำปั่นผักเป็นหนึ่งในหลายๆ เมนูอาหารเพื่อสุขภาพสำหรับลูกค้า สำหรับกิจกรรมครั้งนี้ มีเนื้อหาน่าสนใจ อาทิเช่น การจัดกลุ่มผัก ผลไม้ ที่จะนำมาปั่น ชนิดของผลไม้ที่ไม่ควรขาดเพื่อเพิ่มรสชาติให้น้ำปั่นอร่อย เทคนิคการเตรียมวัตถุดิบให้ทำน้ำปั่นได้นานนับสัปดาห์ รวมถึงการเลือกเครื่องปั่น เป็นต้น
หลักการทำน้ำปั่นผักผลไม้ที่ป้าหน่อยแนะนำ อยากให้ท่านเน้นผักผลไม้ที่หาได้ง่ายในบ้านเราไม่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศจะได้ไม่สิ้นเปลืองเวลาและพลังงานขนส่ง ส่งผลให้โลกร้อนขึ้นโดยไม่จำเป็น ควรหลีกเลี่ยงผลไม้กระป๋อง และดีที่สุดคือปลูกไว้ทานที่บ้าน เพราะทั้งประหยัด ปลอดภัย ยังแบ่งให้เพื่อนบ้านได้อีกด้วย
ป้าหน่อยเริ่มด้วยการบอกกับผู้เข้าอบรม ให้จัดกลุ่มผักผลไม้เป็นลำดับแรก ผักสีเขียว ชนิดไม่มีกลิ่น เช่น ผักบุ้ง ตำลึง วอเตอร์เครส อ่อมแซบ หรือ เบญจรงค์ห้าสี ผักสีเขียวชนิดมีกลิ่น เช่น จิงจูฉ่าย ขึ้นฉ่าย กระเพรา โหระพา ผักชี เพราะผักมีกลิ่นฉุนนั้นเราใส่ได้เพียงเล็กน้อย หรืออะไรที่แพ้ เพื่อให้ร่างกายปรับตัวได้สามารถใส่ได้ 1-2 ใบ ผลไม้รสเปรี้ยว มะนาว สับปะรด ตะลิงปริง เสาวรส มะม่วงหาวมะนาวโห่ ธัญพืช ถั่วชนิดต่าง ๆ ลูกเดือย สมุนไพร ว่านกาบหอย (แก้ร้อนใน) ของเหลว เช่น น้ำเปล่า น้ำผลไม้ น้ำเต้าหู้ นม น้ำผึ้ง แต่ให้พึงระวังเรื่องความหวานไว้
เทคนิคสำคัญที่ทำให้น้ำปั่นผักผลไม้มีรสชาติอร่อยถูกปาก สิ่งที่ไม่ควรขาดคือ สับปะรด กล้วยน้ำว้าสุก หรือกล้วยชนิดอื่นก็ได้ จะช่วยให้น้ำปั่นมีรสนุ่มละมุน คล้ายสมูทตี้ และหากเติมธัญพืชลงไปในโถปั่น จะทำให้มีรสมันช่วยให้อิ่มท้อง ดื่มเช้าอิ่มถึงเที่ยงกันเลย
อร่อยกับคู่จับคู่ปั่น ช่วงนี้ของการอบรมป้าหน่อยให้แต่ละคนจับคู่คุยกัน อยากทานน้ำปั่นรสชาติแบบไหน หลังจากมีความรู้บ้างแล้ว แต่ป้าได้กระซิบบอกว่า ของที่ควรหยิบจับใส่โถ อยากให้มีว่านกาบหอย สับปะรด กล้วย วอเตอร์เครส ธัญพืช 1 ชนิด ผักที่มีกลิ่นสัก 1 อย่าง ของเหลวอีก 1 และน้ำแข็ง เมื่อปั่นเสร็จเราควรชิมก่อนทุกครั้ง จะได้รู้ว่าจืดไป เปรี้ยวไป หรือหวานไป จะได้เติมใหม่ให้อร่อย ใส่เกลือได้นิดหน่อย เสริมอีกหน่อยคือ ไม่มีเมนูน้ำปั่นผักที่สามารถรักษาโรคได้ เพียงช่วยเสริมสร้างสุขภาพ ได้ทานผักผลไม้หลายชนิดไปพร้อมกัน
และเพื่อลดความยุ่งยากทำให้มีน้ำปั่นผักผลไม้ทานแบบยาวๆ เป็นอาทิตย์ เราสามารถเตรียมทุกอย่างใส่ถุงซิปล็อคแช่แข็งไว้ อยากทานเมื่อไหร่แค่เติมน้ำแข็ง ของเหลว (น้ำเปล่า น้ำผลไม้ น้ำเต้าหู้ อย่างใดอย่างหนึ่ง)
ชนิดเครื่องปั่นให้เลือกที่กำลังวัตต์สูงนิดหนึ่งเพราะต้องปั่นน้ำแข็ง ท่านสามารถหาความรู้เพิ่มได้ที่เวบไซต์ฉลาดซื้อ และควรเลือกเครื่องปั่นไม่แยกกาก ทำให้อิ่มท้อง จะได้ไม่ทิ้งกากใย ช่วยดูแลลำไส้ ระบายท้อง
กิจกรรมเปิดบ้านชีวิตไทครั้งนี้ สร้างความทับใจให้กับผู้เข้าร่วมหลายอย่าง บางท่านชอบตอนได้ชิม ได้เรียนรู้หลักการทำน้ำปั่นแบบง่าย สะดวก ประหยัด เป็นกระบวนการที่ช่วยกันคิด ชวนกันทำ เติมในสิ่งชอบ เพิ่มในสิ่งที่ขาด ได้น้ำปั่นออกมาอร่อย ดูแลสุขภาพกันไปแบบยาว ๆ
มูลนิธิชีวิตไท (Local Act)
129/250 หมู่บ้านเพอร์เฟคเพลส รัตนาธิเบศร์ ถนนไทรม้า ต.บางรักน้อย อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
โทรศัพท์: 02-048-5465 E-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.