นายปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ชาวนาผู้เพาะปลูกข้าวนาปรังปี 2563 และนาปี 2563/64 กำลังกังวลเรื่องปัญหาภัยแล้งและสถานการณ์ราคาข้าวไทย ดังนั้น ในช่วงวันที่ 25-26 มีนาคมนี้ สมาคมฯจะจัดประชุมใหญ่ ที่จ.ชัยนาท โดยได้เชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน มาชี้แจงถึงนโยบาย แนวทาง มาตรการ และฉายภาพทิศทางของสถานการณ์ชข้าวไทยทั้งระบบ เพื่อให้ต้นทางอย่างชาวนา ได้รับรู้เพื่อนำไปปรับปรุงและเตรียมรับมือสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น คาดว่าจะมีชาวนาทั่วประเทศและผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งผู้ส่งออกและโรงสีเข้าร่วมประชุม 700-1,000 คน
นายปราโมทย์ กล่าวว่า ในงานจะเป็นการสัมมนาให้ความรู้และนโยบายที่รัฐและเอกชนในแต่ละหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำเสนอ อีกส่วนเป็นการจัดวิถีข้าวไทย เพื่อให้เห็นวิถีเกษตรกร และแนวทางของอนาคตข้าวไทย โดยสมาคมฯได้นำเสนอแนวทางที่ชาวนาจะมีส่วนต่อการผลักดันการส่งออก ผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจ และแนวทางการทำอาชีพยั่งยืน เช่น การเพิ่มนวัตกรรม การเพิ่มช่องทางผ่านระบบออนไลน์ เป็นต้น
“ ในงานนี้ซึ่งเป็นการจัดครั้งแรก ที่ต้องการให้คนในวงการข้าวได้พบปะ ต้นทางจะได้รู้ว่าต้องปลูกข้าวพันธ์ใดที่ตลาดโลกต้องการ ผู้บริโภคต้องการ เช่น ข้าวนุ่มที่ตลาดกำลังผลักดัน ซึ่งรัฐจะมีการส่งเสริมและพัฒนาพันธ์ข้าวอย่างไร ช่วยเหลือชาวนาอย่างไรเพื่อให้การเพาะปลูกตามความต้องการตลาดอย่าวที่นำมาพูดกัน รวมถึงให้รัฐบาลได้รับรู้ว่าชาวนาต้องการอะไร เช่น แนวทางที่รัฐกำลังนำการแบ่งปันผลผลิตข้าวมาใช้จัดการอุตสาหกรรมนั้น เรื่องนี้สมาคมยังไม่เห็นด้วย และระยะสั้นนี้เราต้องการรู้ว่ากระทรวงทรัพยากรฯ กระทรวงเกษตรฯจะมาดูแลเรื่องปัญหาแล้งอย่างไร กระทรวงพาณิชย์ จะดูแลเรื่องรายได้ชาวนาอย่างไร ซึ่งได้เสนอเพิ่มประกันรายได้ข้าวพ่วงและข้าวพื้นนุ่มด้วย รวมถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์มีแผนผลักดันส่งออกข้าวอย่างไร เป็นต้น “ นายปราโมทย์ กล่าว
นายปราโมทย์ กล่าวว่า ตอนนี้ราคาข้าวค่อนข้างนิ่ง ทั้งๆที่ปริมาณผลผลิตน้อยลง ทั้งจากหมดฤดูการเก็บเกี่ยวและผลผลิตเสียหายจากแล้ง แต่ราคาข้าวกลับตรงกันข้ามไม่ได้สูงขึ้นอย่างที่ควรเป็น ซึ่งสมาชิกสมาคมฯได้ทำหนังสือร้องมาว่าอยากให้สมาคมร้องถึงรัฐบาลให้เร่งออกมาตรวจสอบและสกัดการลักลอบนำเข้าข้าวตามชายแดน ซึ่งมีข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาผสมกับข้าวไทย เพราะราคาข้าวประเทศเพื่อนบ้านต่ำกว่าไทย เช่น ข้าวเหนียวขายกิโลกรัมละ 20 บาท ต่ำกว่ากว่า10 บาท เป็นต้น โดยวิตกว่าหากปล่อยการนำข้าวต่างชาติมาผสมมากขึ้นอาจกระทบต่อภาพพจน์ข้าวไทยในอนาคต เรื่องนี้ก็ได้หารือกับสมาคมค้าข้าวและหน่วยงานรัฐบ้างแล้ว
ที่มา : มติชน วันที่ 2 มี.ค. 2563