8 มิ.ย. 2561 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ นำคณะผู้นำชาวนา องค์กรชาวนา ที่ได้รับรางวัลเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรดีเด่นด้านข้าว ประจำปี 2561 และตัวแทนชาวนารุ่นใหม่ เข้าเยี่ยมคารวะและรับฟังนโยบายด้านข้าวจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. เนื่องในโอกาสวันข้าวและชาวนาแห่งชาติ
ทั้งนี้ คณะผู้นำชาวนาได้สวมเสื้อคอปกสีฟ้า สกรีนข้อความบริเวณหน้าอกขวาว่า “ชีวิตนี้เพื่อชาติ ศาสน์กษัตริย์” พร้อมข้อความระบุว่า “สนับสนุนลุงตู่” และอักษรย่อภาษาอังกฤษ FOS บริเวณอกด้านซ้าย พร้อมสกรีนข้อความด้านหลังระบุ “กองหนุนลุงตู่ By FOS” ซึ่ง FOS เป็นอักษรย่อของคำว่า Friend of Somkid
นายพูลพัชร พูลเจริญ ที่ปรึกษาสมาคมชาวนาข้าวไทย กล่าวว่า นายกฯ ให้โอกาสพวกเรามีทั้งแหล่งทุนทุกอย่าง ประเด็นที่พวกเรารักนายกฯไม่ใช่จะเพิ่งรัก แต่รักมาตั้งแต่ปี 2546 โดยชาวนาได้ไปทำข้าวที่กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ กองพันทหารเสือ ปีนั้น สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ได้พระราชทานเลี้ยงทุกคน คนที่มาเข้าเฝ้าฯใส่ชุดราตรีสโมสรทั้งหมด มีพันเอกพิเศษท่านเดียวที่ลาดตระเวนตลอดพระที่นั่ง ไม่ได้กินอะไรตลอดเวลา เขาชื่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งตอนนั้นเป็นผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 21 เราประทับใจคนผู้นี้มาก เพราะจงรักภักดีต่อชาติและราชบัลลังก์
“เวลาชาวนามีปัญหาก็ให้โอกาสเรา สนับสนุนแหล่งเงินทุน ชาวนาสามารถเข้าถึงได้ เราจึงรวมตัวกัน 5 สมาคมเป็นหนึ่งเดียว เป็นชาวนาประชารัฐ ในเมื่อเรารักเราก็ต้องแสดงออก ปี 2554 มีการให้แหนบ ท่านบอกกับทุกคนว่าใครที่มาเสียเงิน 700 บาท ให้ไปรับคืนที่กรมทหารราบที่ 21 พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เอาใจใคร ปากกับใจตรงกัน จึงเป็นที่มาของการสนับสนุน และตัวย่อ FOS ก็หมายถึง Friend of Somkid ที่จัดหาแหล่งเงินทุนให้เราในรูปแบบประชารัฐ พวกเรามีกันทั่วประเทศ” นายพูลพัชร กล่าว
โดยนายกฯ กล่าวว่า เกษตรกรชาวนาเป็นกำลังผลิตข้าวเลี้ยงคนไทยทั้งประเทศ เป็นแหล่งรายได้สำคัญ เป็นกระดูกสันหลังของประเทศ แต่กระดูกสันหลังนี้ต้องตั้งให้ตรง ไม่อยากเห็นก้มหน้าทำไปตลอด แต่รวมกลุ่มเป็นเอกภาพจะแก้ปัญหาได้ทั้งหมด
นายกฯ กล่าวว่า เหมือนรัฐบาลวันนี้ที่แถลงงบประมาณรายจ่ายประจำปี’62 ต้องแบ่งแยกชัดเจนลงแต่ละภาคเท่าไหร่ แต่ละจังหวัดเท่าไหร่ ซึ่งไม่มีมาก่อนแตกต่างจากในอดีตอย่างมากในการแบ่งงบฯลงพื้นที่แหล่งงบฯทั้งหมดต้องลงคนไทยทุกคน ทุกอาชีพ และต่อไปจะคิดแบบเดิมๆ ต่อต้านกัน ไม่ร่วมมือกันไม่ได้อีกแล้ว เพราะจะทำให้ประเทศไม่มีเสถียรภาพ การสร้างความเข้มแข็งจะเรื่องข้าวอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีเรื่องอุตสาหกรรมด้วย วันนี้ตัวเลขหลายอย่างดีขึ้น แต่รัฐบาลไม่ได้มองตัวเลขอย่างเดียว แต่เราต้องแก้ปัญหาภายในด้วยว่าตัวเลขเหล่านั้นกลับมาหาเราได้เท่าไหร่
นายกฯ กล่าวว่า ตนขอร้องการจำนำข้าวทำไม่ได้ เพราะเกินราคาตลาดโลกและจะทำให้เป็นภาระ นโยบายนี้อาจดูดี ชาวนาชอบพอใจ แต่ต้องไม่สร้างภาระให้กับประเทศ ซึ่งรัฐบาลจะแก้ปัญหานี้ให้กับท่าน และทุกฝ่ายต้องร่วมกันแก้ปัญหา อย่าให้รัฐบาลทำฝ่ายเดียวเพราะจะทำให้กดดันรัฐบาล เราต้องแก้ปัญหาให้ใช้งบประมาณที่ไม่เป็นภาระ และขณะนี้พ.ร.บ.การเงินการคลังออกมาใหม่ เราไม่สามารถใช้เงินต่างๆ เกินสัดส่วนที่กำหนดได้ ไม่อย่างนั้น รัฐบาลก็อยู่ไม่ได้เหมือนกัน ซึ่งที่ผ่านมางบประมาณที่ให้กับชาวนามากที่สุด
นายกฯ กล่าวว่า ท่านต้องควบคุมการผลิตข้าวให้ได้ไม่ให้มีปริมาณมากเกินไป จะได้ไม่มีการถูกกดราคา ตนจึงอยากเน้นเรื่องการตลาดนำการผลิต แต่ตนไม่ให้ห้ามชาวนาปลูกข้าว หลายคนไปแปลประเด็น ตนเพียงให้เป็นนโยบายให้ปลูกข้าวให้มีคุณภาพ ให้ราคาพื้นที่ใดปลูกมากเกินไป ตนไม่ได้ห้ามไม่ให้ปลูก ส่วนเรื่องหนี้สินเกษตรกร ตนสั่งรองนายกฯฝ่ายความมั่นคงตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียนชาวนา และ “ไม่ต้องกลัวใครมาเหนือบทบาทรัฐบาล คสช.กฎหมายคือกฎหมายไม่ต้องกลัวจะกู้ไม่ได้ รัฐบาลจะพยายามแก้ปัญหาให้ดีที่สุดให้กับชาวนา
รวมถึงชาวไร่ ชาวสวนด้วย”
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวยืนยันว่า รัฐบาลไม่เคยได้ประโยชน์จากข้าว เพราะตนเป็นประธานเองและเข้าประชุมทุกครั้ง อะไรที่ไม่เข้าคณะกรรมการ ก็จะไม่อนุมัติให้ ทุกอย่างเปิดเผยทั้งหมด มีการประมูลที่หน้าคลังหากใครไม่ไปร่วมแล้วมาบอกว่าไม่ยุติธรรมไม่ได้ เพราะไม่ได้เป็นการงุบงิบเปิดแล้วใส่ซอง อีกทั้งคนที่เคยได้แล้วไม่ได้ ก็หาว่ารัฐบาลไม่เป็นธรรมได้เงินมา 4 หมื่นล้านจากการขายข้าว 2 ล้านตัน แล้วเงินจำนวนดังกล่าวอยู่ที่ไหน แล้วยังบอกว่ารัฐบาลจะเอาเงินนี้ไปทำการเมือง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้เละไปหมด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากตัวแทนกลุ่มชาวนาเสร็จ พล.อ.ประยุทธ์ได้เดินลงไปทักทายกับตัวแทนเกษตรกรโดยในช่วงหนึ่งได้มีชาวนาตะโกนขึ้นว่า “สู้สู้” ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ถึงกับหัวเราะชอบใจก่อนจะกล่าวว่าจะให้สู้กับใครตอนนี้ก็สู้อยู่กับปัญหา วันนี้ทำหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี และนายกฯไม่เคยทอดทิ้งใคร ทำงานเพื่อทุกคนนั่นแหละ ทำงานเพื่อคนทั้ง 70,000,000 คน
ทั้งนี้ ช่วงหนึ่งหลังการถ่ายรูปร่วมกับคณะตัวแทนชาวนา เมื่อนายกฯหันไปเห็นข้อความบนหลังเสื้อ ทันทีที่นายกฯ เห็นข้อความสนับสนุน “กองหนุนลุงตู่” หลังเสื้อที่ตัวแทนชาวนาใส่มา ได้ทำท่าตกใจ พร้อมถามกลับว่า “เอ๊ย!ใครไปทำมา เดี๋ยวก็หาว่าผมเอาใจ”
1) แน่นอนครับ คงห้ามการวิจารณ์ของคนอื่นๆ ไม่ได้ เพราะโดยสภาพ นี่คือการ “จัดตั้ง” มาอยู่แล้ว และเป็นการจัดตั้งที่ “จงใจ” เอามากๆ เรียกว่า “ไม่แคร์” ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ มักถูกติฉินนินทาเพราะการกระทำแบบนี้ของคนรอบตัวที่ “จัดให้” ท่านอยู่เสมอ อยากให้ท่าน “ตักเตือน” ว่าให้ทำ “แต่พองาม” ดีกว่ามาพูดแบบ “หมาหยอกไก่” ว่า เฮ้ยๆๆๆ ใครทำมาเนี่ย 2) แน่นอนเช่นกัน ว่าฝ่ายรักท่าน เชียร์ท่าน ก็มองว่า อ้าว! คุณ! นี่มันวันข้าว วันชาวนา เขามาก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรไป มันก็มีกาลเทศะนะ ใช่ครับ มันมีกาลเทศะแน่ๆ แต่มันก็มีการ “จัดตั้ง” ด้วยใช่ไหมการจัดตั้งไม่ใช่สิ่งเลวร้ายครับ นี่ที่ทำการของรัฐ ไม่ใช่ที่ที่ใครจะเดินเข้าเดินออกด้วยจำนวนคนขนาดนี้โดยปราศจากการจัดการ แต่เสื้อ “เพื่อนสมคิด” นี่ มันหนักไปหรือเปล่า จำเป็นต้อง “ทบทวน” ร่วมกันครับ
3) ตลอดมา พล.อ.ประยุทธ์เป็นห่วงชาวนา ดูแลชาวนาไหม ก็เห็นกันว่าห่วง และพยายามหาทางแก้ปัญหาราคาข้าวตกต่ำ ซึ่งก็มีปัจจัยซ้ำเติมมากมาย โดยเฉพาะ “ข้าวค้างสต๊อก” จากโครงการ “รับจำนำข้าว”ของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ทิ้ง “ภาระค่าใช้จ่าย” เอาไว้มากมาย แถมด้วยการทุจริต และกดดันตลาดให้ข้าวไม่อาจขยับราคาขึ้นได้
4) อย่างไรก็ตาม 4 ปี ผ่านไป พล.อ.ประยุทธ์และคณะ เคยทำให้คนไทยทั้งประเทศ “เข้าใจตรงกัน” ถึงความชั่วช้าของกระบวนการ “รับจำนำข้าว” ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ไหม ได้เคยแจกแจง “กลโกง” ความขี้ฉ้อที่เอาชาวนาบังหน้า แต่หาประโยชน์เข้าโคตรวงศ์พงศา และลิ่วล้อ เครือข่ายบ้างไหม รวยจากการทำโกดังข้าวและโรงสี รวยจากการเอาข้าวข้ามพรมแดนมาสวมสิทธิ์ ฯลฯ กันไปเท่าไร จนนายบุญทรง เตริยาภิรมย์กับพวก เข้าคุกเข้าตะรางไปแล้ว จนศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสินจำคุก นางสาวยิ่งลักษณ์ (แต่หนีไปได้ง่ายๆ) แล้ว ถามว่าคนไทยทั้งประเทศเข้าใจตรงกันไหมว่า ตั้งแต่ต้นจนจบของกระบวนการรับจำนำข้าว มีการโกงกินกันกี่ทอด กี่รูปแบบ และเกิดความเสียหายขึ้นเป็นจำนวนเท่าไร
5) ไม่เพียงเท่านั้น นับแต่นางสาวยิ่งลักษณ์เผ่นออกทางช่องทางธรรมชาติ จนเตรียมจะเป่าเค้กฉลองวันเกิดที่อังกฤษอยู่ไม่กี่วันนี้แล้ว เคยเข้าไป “ยึดทรัพย์” ตามอำนาจที่ลงนามในคำสั่งทางปกครองเพื่อเรียกความเสียหายคืนกลับมาให้ประเทศชาติบ้างไหม ทั้งๆ ที่ศาลยกคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวที่ยิ่งลักษณ์ให้ทนายไปยื่นต่อศาลแล้วถึง 2 ครั้ง 2 ครา ถามว่ากระบวนการสืบทรัพย์ กระบวนการยึดทรัพย์เดินหน้า และแจ้งให้ประชาชนทราบ มีบ้างไหม หรือจะรอให้ยักย้ายถ่ายเทออกไปให้มากที่สุดเสียก่อน ช่วยชี้แจงด้วย และประชาชนคนไทยพึงส่งเสียงดังๆ ตั้งคำถามกับ พล.อ.ประยุทธ์ และคณะด้วย
6) นอกจากนี้แล้ว กระบวนการในการขอตัวมาดำเนินคดีในประเทศไทย จริงใจ ตั้งใจ ทำ และคืบหน้ากันบ้างไหม ทราบครับว่ามันไม่ง่าย ก็ดูพี่ชายของนางสิ จนบัดนี้ ยังเอาตัวมาลงโทษไม่ได้เลย แต่ถามแค่เพียงว่า กระบวนการ ขั้นตอน การประสานงานที่ควรทำ ทำครบหรือยัง?
7) ยังไม่รวมนายตำรวจที่ขับรถไปส่งยิ่งลักษณ์ นี่ก็สามารถหนีไปได้อีกคน อย่างง่ายดาย และเงียบฉี่ ว่าการติดตามตัว ความคืบหน้าของคดีเป็นอย่างไร สนใจ ติดตาม และทำกันอยู่บ้างหรือไม่จะปล่อยให้คนทั้งชาติคาใจ ว่า “รู้กัน” ปล่อยให้หนีไป ละเลยมาตรการด้านนิติศาสตร์เพื่อแลกกับความสงบทางรัฐศาสตร์ใช่ไหม ตกลง คุกเอาไว้ขังคนจนกับลิ่วล้อ
ที่ “พูดไม่ได้” เท่านั้นเองหรือ
8) ถามว่าวันนี้ ชาวนา เกษตรกร และคนอีกเท่าไหร่ ที่ยังร่ำร้องหาการช่วยเหลือแบบเดิมๆ โดยไม่เคยตระหนักถึง “ความฉิบหาย” ที่เกิดขึ้นกับเงินส่วนรวมของประเทศ ไม่ใช่เพราะเขาเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ แต่เพราะเขาไม่เคยได้รับความรู้ความเข้าใจถึง “ความฉิบหาย” ที่ว่านั้น ว่าส่งผลให้สวัสดิการด้านอื่นๆ ที่รัฐพึงจะจัดให้เพิ่มเติม หรือปรังปรุงให้มันดีขึ้น พวกเขาก็เสียโอกาสไป เพราะต้องเอาเงินมาจ่าย เช็ดขี้เช็ดเยี่ยวให้แก่โครงการนี้ และนโยบายแบบนี้ ไม่งั้นก็เพียรด่าแต่เรื่องเรือดำน้ำกันอยู่นั่นแหละ ไม่จบไม่สิ้น
9) และควรถามไปถึงพรรคเพื่อไทยด้วยว่า ยังจะมีนโยบายแบบนี้อีกไหม ถามคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ุ สิว่า คิดอย่างไรกับความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว หรือนักธุรกิจหนุ่มผู้ตัดสินใจก้าวเข้าสู่การเป็นหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ อย่างนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นี่ นอกเหนือจากฉีกรัฐธรรมนูญ นอกเหนือจากยกเลิกพิธีไหว้ครู เพราะมันล้าหลัง แต่เต็มใจไปไหว้เจ้าแล้ว คิดอย่างไรกับโครงการรับจำนำข้าวที่ผ่านมา และมีนโยบายอย่างไร เรื่องชาวนาและข้าว
10) สุดท้ายคือ ดรีมทีมกระทรวงเกษตรฯ คือรัฐมนตรีกฤษฎา และรัฐมนตรีช่วยอย่างอาจารย์ยักษ์ กับคุณลักษณ์ ที่ “ดูดีมาก” เมื่อมีการปรับคณะรัฐมนตรีแล้วมี 3 ท่านนี้เข้ามาทำงาน ได้พลิกโฉม หรือแก้ไขปัญหาอะไรให้แก่เกษตรกรได้แล้วบ้าง หนุนหลังทั้ง 3 คนอย่างเต็มที่แล้วหรือยัง เรื่องของ “ศาสตร์พระราชา” และ “โคก หนอง นา โมเดล” ถูกบรรจุเข้ามาเป็นแนวทางของรัฐบาลมากน้อยเพียงใด หรือเพียงแต่อาศัยคำว่า “ศาสตร์พระราชา” เพื่อมาพูดตามบทด้วยเสียงห้วนๆ รัวๆ รวบๆ รีบๆ ในคืนวันศุกร์ ให้คนได้ใช้เป็นช่วงเวลา “ประหยัดไฟ” หรือได้เป็นชั่วโมงแห่งการกินข้าวกินปลาพร้อมหน้าพร้อมตากันในครอบครัว เพราะไม่มีอะไรให้ดู ให้ฟัง ทางโทรทัศน์และวิทยุเท่านั้น
การกระทำสำคัญกว่าคำพูด
ทำแล้วต้องรายงานให้ประชาชนรู้ รู้ว่าทำอะไรไปแล้ว ยังไม่ได้ทำอะไร และจะทำอะไรต่อไป เพื่อสร้างความเข้าใจและความร่วมไม้ร่วมมือให้เกิดขึ้น
งานอีเว้นท์ สร้างภาพ หาคะแนนนิยม เป็นทุนสู่การเมืองครั้งต่อไป ต้องเพลาๆ ลงบ้าง เพราะในขณะที่ตัวแทนชาวนากลุ่มนี้ ใส่เสื้อสวยเข้ามาพบนายกฯ เกษตรกรอีกมากยังนอนเอาตีนก่ายหน้าผากอยู่ ว่าจะเอาอะไรกิน!!
มูลนิธิชีวิตไท (Local Act)
129/250 หมู่บ้านเพอร์เฟคเพลส รัตนาธิเบศร์ ถนนไทรม้า ต.บางรักน้อย อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
โทรศัพท์: 02-048-5465 E-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.