ผลงานวิจัย สกว. ชี้ 'ป่าชายเลนบ้านเปร็ดใน' มีความสมบูรณ์มาก มีศักยภาพในการดำเนินการเพื่อสนับสนุนกลไกคาร์บอนเครดิตภาคป่าไม้เพื่อเป็นแหล่งดูดซับคาร์บอนได้ เนื่องจากมีต้นไม้ที่ยังมีอัตราการเติบโตสูง และมีศักยภาพในการเพิ่มพูนการกักเก็บคาร์บอน
29 พ.ค.2561 การนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์และสื่อสารสังคม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) รายงานว่า ปัจจุบันป่านอกจากเป็นแหล่งอาหารและระบบนิเวศแล้ว ยังเป็นแหล่งกักเก็บคาร์บอนที่สำคัญ ที่จะช่วยบรรเทาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและลดภาวะโลกร้อนได้ จากความอุดมสมบูรณ์ของป่าชายเลนบ้านเปร็ดพื้นที่ 12,000 ไร่ ในท้องที่บ้านเปร็ดใน ม.2 ตำบลห้วยน้ำขาว อำเภอเมือง จังหวัดตราด พบว่า มีศักยภาพเหมาะที่จะใช้ดำเนินการสนับสนุนกลไกคาร์บอนเครดิตภาคป่าไม้ โดยเฉพาะ“เรดด์พลัส”เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ โดยข้อค้นพบจากผลการศึกษาวิจัยใน “โครงการฟื้นฟูป่าชายเลนบ้านเปร็ดใน โดยการมีส่วนร่วมของชุมชน เพื่อสนับสนุนกลไกคาร์บอนเครดิตภาคป่าไม้” ที่มี ดร.ลาวัลย์ พวงจิตร จากคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นหัวหน้าโครงการ ภายใต้การสนับสนุนของ สกว.บ่งชี้ว่า ป่าชายเลนบ้านเปร็ดในจัดเป็นป่าชายเลนที่มีระดับความสมบูรณ์มาก โดยจากการประเมินค่าเฉลี่ยการกักเก็บคาร์บอนรวมทุกแหล่งสะสมในพื้นที่ป่าชายเลนบ้านเปร็ดใน พบว่า เป็นป่าที่มีศักยภาพในการดำเนินการเพื่อสนับสนุนกลไกคาร์บอนเครดิตภาคป่าไม้ เพื่อเป็นแหล่งดูดซับคาร์บอนได้ เนื่องจากมีต้นไม้ที่ยังมีอัตราการเติบโตสูง และมีศักยภาพในการเพิ่มพูนการกักเก็บคาร์บอน
การปลูกป่า
นอกจากนี้ ผลการศึกษาการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จากการใช้พลังงานทุกประเภทของชุมชน พบว่า มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการใช้พลังงานรวม 398.33 ตัน CO2/ปี ซึ่งพื้นที่ป่าชายเลนในขนาด 36.28 ไร่สามารถดูดซับปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนดังกล่าวได้ ดังนั้น จากพื้นที่ป่าชายเลนบ้านเปร็ดในที่มีอยู่ 12,000 ไร่ (ระหว่างคลอง 1 ถึงคลอง 15) จะสามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 131,760 ตัน CO2/ไร่/ปี ซึ่งข้อค้นพบนี้ชี้ให้เห็นชัดว่า ป่าชายเลนบ้านเปร็ดในมีศักยภาพเพียงพอในการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั้งของชุมชนโดยรอบและชุมชนใกล้เคียงได้
จากข้อค้นพบดังกล่าวชุมชนบ้านเปร็ดในเล็งเห็นความสำคัญของภาวะโลกร้อน และต้องการนำศักยภาพของป่าชายเลนบ้านเปร็ดในไปมีส่วนร่วมในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกซึ่งเป็นสาเหตุของโลกร้อน เพื่อนำรายได้จากการขายคาร์บอนเครดิตมาบริหารจัดการรักษาฟื้นฟูป่าชายเลนที่ชุมชนดูแลปกป้องและอนุรักษ์มายาวนาน ให้เป็นป่าชายเลนที่เป็นแหล่งเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อกักเก็บคาร์บอน และเป็นพื้นที่ทำกินของคนในชุมชนต่อไปได้อย่างยั่งยืน
อำพร แพทย์ศาสตร์ ที่ปรึกษากลุ่มอนุรักษ์และพัฒนาป่าชายเลนป่าบ้านเปร็ดใน
อำพร แพทย์ศาสตร์ ที่ปรึกษากลุ่มอนุรักษ์และพัฒนาป่าชายเลนป่าบ้านเปร็ดใน กล่าวว่า “แม้ขณะนี้รัฐบาลจะยังไม่มีนโยบายเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวชัดเจน แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่รัฐบาลมีนโยบายรับซื้อเราก็พร้อมดำเนินการทันที เพราะเรารู้แล้วว่าจะต้องทำอย่างไรบ้าง มีขั้นตอนกระบวนการจัดเก็บข้อมูลอย่างไร รู้วิธีการสำรวจ และคำนวณ ขนาด ความสูง รวมถึงการกักเก็บคาร์บอน ทำให้เรามีข้อมูลเพียงพอ ซึ่งความรู้เหล่านี้ได้รับการสนับสนุนจากนักวิจัย สกว.นักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญ ที่ได้เข้ามาถ่ายทอดให้กับนักวิจัยชุมชน ตั้งแต่ปี 2558 ที่ผ่านมา ซึ่งทางนักวิจัยชุมชนเองก็ได้นำความรู้ได้รับไปถ่ายทอดให้กับเยาวชนได้เรียนรู้ และมีส่วนร่วมในการดูแลปกป้องป่าชายเลนของชุมชนต่อไป”
สำหรับการดำเนินงานโครงการฟื้นฟูป่าชายเลนบ้านเปร็ดใน โดยการมีส่วนร่วมของชุมชนฯนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานที่จำเป็นต่อการวางแผนการจัดการ ได้แก่ โครงสร้างป่า พรรณไม้ ปริมาตร ผลผลิตมวลชีวภาพ และศึกษาศักยภาพในการกักเก็บคาร์บอนตามวิธีการมาตรฐานของ IPCC (2003) เพื่อสนับสนุนกลไกคาร์บอนเครดิตภาคป่าไม้ และจัดทำฐานข้อมูลทรัพยากรป่าชายเลนชุมชน โดยการศึกษาวิจัยเน้นกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนในทุกขั้นตอน เริ่มตั้งแต่การกำหนดนักวิจัยชุมชน การวางแผนการวิจัย การคัดเลือกพื้นที่ศึกษา การดำเนินการวิจัย การนำเสนอผลการวิจัย รวมถึงการศึกษาดูงานเพื่อเพิ่มพูนประสบการณ์เกี่ยวกับการจัดการทรัพยากรป่าชายเลนในพื้นที่ชายฝั่งอันดามัน เพราะการสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมถือเป็นการสร้างองค์ความรู้ที่สอดคล้องกับความต้องการของชุมชนซึ่งจะก่อให้เกิดการเรียนรู้อย่างยั่งยืน
โดยในการจัดทำฐานข้อมูล มีการจำแนกข้อมูลที่จัดเก็บ อาทิ กิจกรรมการวิจัย พรรณไม้ พื้นที่ป่าชายเลน งานวิจัยด้านนิเวศวิทยาป่าชายเลน และองค์ความรู้การจัดการป่าชายเลน โดยนักวิจัยและนักวิจัยชุมชนสามารถใช้งานเว็ปไซต์เพื่อการพัฒนาและออกแบบฐานข้อมูลร่วมกันได้ ในด้านโครงสร้างจากการสำรวจ พบว่า ป่าชายเลนบ้านเปร็ดใน ประกอบด้วยพรรณไม้จำนวน 15 ชนิด จำแนกเป็นไม้ใหญ่ 14 ชนิด ไม้รุ่น 10 ชนิด และกล้าไม้ 4 ชนิด แสดงให้เห็นว่าพรรณไม้ในพื้นที่ป่าชายเลนบ้านเปร็ดใน มีศักยภาพในการเจริญทดแทนตามธรรมชาติที่ค่อนข้างต่ำ และในอนาคตมีแนวโน้มว่าความหลากหลายทางชีวภาพจะลดลง โดยพรรณไม้ที่มีค่าดัชนีความสำคัญสูงมี 2 ชนิด คือ โกงกางใบเล็ก และโปรงแดง แม้ลักษณะโครงสร้างของต้นไม้ในป่าชายเลนบ้านเปร็ดในส่วนใหญ่โดยเฉลี่ยมีขนาดไม่ใหญ่ แต่จัดว่าเป็นป่าชายเลนที่มีมวลชีวภาพในระดับความสมบูรณ์มาก แสดงให้เห็นว่าป่าชายเลนบ้านเปร็ดในมีศักยภาพสูงในการเพิ่มพูนผลผลิต
ผลการศึกษาดังกล่าวได้นำมาจัดการข้อมูลในรูปแบบของ “ระบบฐานข้อมูล” เพื่อให้ชุมชนสามารถใช้ประโยชน์ในการจัดการทรัพยากรป่าชายเลนได้อย่างสะดวกต่อไป นอกจากนี้โครงการฯ ยังจัดฝึกอบรมให้ความรู้ความเข้าใจในระบบฐานข้อมูล และวิธีการจัดเก็บข้อมูลแก่นักวิจัยชุมชน รวมทั้งการจัดทำคู่มือการใช้ฐานข้อมูลให้แก่ชุมชน เพื่อให้ระบบฐานข้อมูลอยู่กับชุมชนตลอดไป โดยมีการปรับปรุงข้อมูลได้อย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม งานวิจัยนี้ถือเป็นเพียงจุดเริ่มต้นให้กับชุมชนได้เรียนรู้ และสร้างความเข้าใจถึงกระบวนการการจัดทำเก็บข้อมูลที่เป็นระบบ แต่ชุมชนยังควรต้องได้รับการส่งเสริมการเรียนรู้ถึงวิธีการวางแผนการเก็บข้อมูล เพื่อป้อนลงฐานข้อมูล และจัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากข้อมูลที่วิเคราะห์ได้เพิ่มอีก เพื่อให้ชุมชนเกิดความมั่นใจในการจัดการป่าและติดตามการเปลี่ยนแปลงทรัพยากรป่าชายเลนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
“ป่าชายเลนบ้านเปร็ดใน เป็นความภูมิใจของชุมชนในฐานะที่เป็นแหล่งอาหาร เราไม่ต้องไปซื้อหาที่ไหน หรือใครจะจับขายเป็นรายได้ก็สามารถทำได้เช่นกัน ขายไม่หมดก็นำมาทำอาหารกินกันในครอบครัว แต่การจับนั้นชุมชนมีข้อตกลงร่วมกันกรณีห้ามจับสัตว์น้ำในช่วงที่มีการวางไข่“หยุดจับร้อย ค่อยจับล้าน” ซึ่งทุกคนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ดังนั้นเป้าหมายในการฟื้นฟูก็เพื่อต้องการให้ป่าชายเลนของชุมชนเป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำ เพราะหากโลกร้อนขึ้นแม้เพียงหนึ่งองศาก็จะส่งต่อปริมาณสัตว์น้ำได้ หรือกรณีปัญหาน้ำจากต้นน้ำ กลางน้ำ จากภาคเหนือที่จะไหลลงสู่ทะเลผ่านป่าชายเลนของชุมชน หากมีการปนเปื้อนสารเคมีก็อาจส่งกระทบต่อแหล่งอาหารและสัตว์น้ำได้ ซึ่งเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ชุมชนให้ความสนใจ”
“คนที่เคยอยู่กับป่าชายเลน จะรู้ว่าคุณค่าของป่าชายเลนนั้นมากมายแค่ไหน แม้หาดทรายจะสร้างรายได้มหาศาลจากการท่องเที่ยว แต่ถ้าวันหนึ่งนักท่องเที่ยวไม่มาเราจะได้อะไรจากหาด เพราะแหล่งอาหารหรือทรัพยากรสัตว์น้ำ ไม่ได้อยู่ที่หาดทราย แต่อยู่ที่ป่าชายเลน เราไม่ต้องซื้อ เราไม่มีอด นี่คือความภูมิใจในชุมชนของเรา” อำพร กล่าว
ที่มา : ประชาไท วันที่ 29 พ.ค. 2561
มูลนิธิชีวิตไท (Local Act)
129/250 หมู่บ้านเพอร์เฟคเพลส รัตนาธิเบศร์ ถนนไทรม้า ต.บางรักน้อย อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
โทรศัพท์: 02-048-5465 E-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.