สศก. แจงทิศทางอาชีพเกษตรกรมีแนวโน้มได้รับความสนใจจากคนรุ่นใหม่พร้อมวิเคราะห์แก้ปัญหาแรงงานเกษตร
สศก. แจงทิศทางอาชีพเกษตรกรมีแนวโน้มได้รับความสนใจจากคนรุ่นใหม่มากขึ้น เผย มี Smart Farmer ทั่วประเทศ รวมกว่า 9 แสน 8 หมื่นราย และกลุ่ม Young Smart Farmer อีกกว่า 5 พันราย พร้อมเปิดผลศึกษาวิเคราะห์แก้ปัญหาแรงงานเกษตร แนะเทคโนโลยีและนวัตกรรมคือสิ่งสำคัญ พร้อมสร้างความตระหนักรู้ ความภาคภูมิใจในอาชีพเกษตร
นางสาวราตรี เม่นประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเศรษฐกิจการเกษตร สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.)
นางสาวราตรี เม่นประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเศรษฐกิจการเกษตร สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า การก้าวเข้าสู่เกษตรกร 4.0 ในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 นั้น มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอาศัยแรงงานที่มีทักษะ มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ทดแทนแรงงานคน การรวมกลุ่ม การบริหารจัดการทรัพยากร/ปัจจัยการผลิต และการบริหารจัดการด้านการตลาดเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค
แรงงานครัวเรือนการเกษตร
ข้อมูลภาวะเศรษฐกิจสังคมครัวเรือนเกษตรปีเพาะปลูก 58/59 พบว่ามีจำนวนครัวเรือนเกษตร 5.9 ล้านครัวเรือน มีสมาชิกเฉลี่ยครัวเรือนละ 4.04 คน ขนาดแรงงาน 2.88 คนต่อครัวเรือน อายุเฉลี่ยของแรงงานภาคเกษตร คือ 56 ปี และมีผู้สูงอายุสูง (อายุ 65 ปีขึ้นไป) ร้อยละ 12.48 ของประชากรภาคเกษตรทั้งหมด
ผลกระทบของการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุต่อผลิตภาพของภาคเกษตรนั้น สังคมผู้สูงอายุจะทำให้กิจกรรมการผลิต การออม และการลงทุนลดลง มีความเป็นไปได้สูงที่จะเปลี่ยนไปทำการเกษตรที่ใช้แรงงานน้อยกว่าแต่ต้องได้ผลิตภาพ มากขึ้น และนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มผลิตภาพการผลิต
การนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มผลิตภาพการผลิต
ด้านสัดส่วนของแรงงานภาคเกษตรมีระดับการศึกษาสูงขึ้น และปัจจุบันอาชีพเกษตรกรมีแนวโน้มได้รับความสนใจจากคนรุ่นใหม่มากขึ้น ทั้งจากผู้ที่จบการศึกษาในสาขาเกษตร รวมถึงลูกหลานของเกษตรกร และผู้ที่ประกอบอาชีพอื่นแล้วผันตัวเองมาเป็นเกษตรกร โดยพบว่ามี Smart Farmer ทั้งประเทศ รวม 981,649 ราย และกลุ่ม Young Smart Farmer 5,477 ราย ซึ่งเป็นทิศทางที่ดี เพราะจะช่วยให้แรงงานภาคเกษตรสามารถเรียนรู้และนำเทคโนโลยีเข้ามาพัฒนาและปรับปรุงเพื่อยกระดับประสิทธิภาพการผลิตในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดังนั้น การแก้ปัญหาแบบยั่งยืนควรมีการกำหนดนโยบาย โดยเฉพาะแนวคิดเกษตร 4.0 ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดย
ระยะสั้น
ต้องให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตเพื่อลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มผลตอบแทนจากการผลิต โดยใช้ศาสตร์ของพระราชา และการบริหารจัดการสมัยใหม่ อาทิ แปลงใหญ่/ระบบสหกรณ์ เกษตรอุตสาหกรรม โดยภาครัฐร่วมมือกับภาคเอกชนและสถาบันการศึกษาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตโดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่ ตลอดจนห่วงโซ่การผลิต และสร้างมูลค่าเพิ่มในสินค้าเกษตรผ่านการวิจัยและพัฒนาพันธุ์พืชและเทคโนโลยีการเกษตรที่เหมาะสม ควบคู่กับการกำหนดพื้นที่สำหรับการทำเกษตร (Zoning) การบูรณาการเทคโนโลยีสารสนเทศ เทคโนโลยีชีวภาพ และเทคโนโลยีการเกษตรที่ทันสมัยต่างๆ เข้ากับเกษตรกรมแบบดั้งเดิม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูก เพิ่มผลผลิต และเพิ่มคุณภาพของผลิตผล โดยใช้ข้อมูลของชนิดพืชหรือสัตว์ สภาพแวดล้อมของฟาร์ม และฐานข้อมูลด้านการเกษตร ที่เชื่อมโยงถึงกันเป็นเครือข่าย เพื่อช่วยเกษตรกรในการตัดสินใจในการปรับปัจจัยการผลิตและการดูแลรักษาพืชแต่ละชนิดอย่างพอเหมาะ
นอกจากนี้ ยังต้องมีการจัดการผลิตผลเกษตรหลังการเก็บเกี่ยวเพื่อคงคุณภาพของผลผลิตเกษตร การส่งเสริมระบบประกันภัยพืชผลเพื่อให้เกษตรกรสามารถลดความเสี่ยงของผลผลิตจากภัยธรรมชาติ ส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งทุน และสนับสนุนกลุ่มแรงงานรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพให้มีความสนใจในการเข้ามาประกอบอาชีพการเกษตร เนื่องจากเป็นกลุ่มที่สามารถเรียนรู้และปรับตัวได้เร็วกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ รวมถึงการผลักดันยุทธศาสตร์พัฒนาการเกษตร ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 ให้เกิดผลในการรองรับการก้าวผ่านประเทศรายได้ปานกลาง สู่ประเทศที่มีรายได้สูง ให้แรงงานภาคเกษตรมีรายได้เพียงพอที่จะทำให้เกิดคุณภาพชีวิตที่ดี โดยเฉพาะประชากรในภาคเกษตรที่เป็นผู้สูงอายุควรส่งเสริมการให้ความรู้และสนับสนุนการใช้เครื่องจักรกลช่วยผ่อนแรงสำหรับแรงงานภาคเกษตรสูงอายุที่ยังคงทำงานได้ เพื่อให้สามารถทำการเกษตรต่อไปได้ด้วยความมั่นคง และสามารถที่จะยืนหยัดอยู่ในภาคเกษตรอย่างพึ่งพาตนเองได้
ระยะยาว
มีการจัดทำแผนพัฒนาสินค้าเกษตร การกำหนดความต้องการแรงงานภาคเกษตรในแต่ละชนิดการผลิตเพื่อความยั่งยืนในระยะยาว มีการบริหารจัดการแรงงาน (Good Labor Practice : GLP) ที่ดีเพื่อจูงใจให้แรงงานรุ่นใหม่กลับเข้าสู่ภาคเกษตร กำหนดนโยบายการสนับสนุนให้เยาวชนเข้าสู่ภาคเกษตร ตลอดจนการพัฒนาภาคเกษตรและแรงงานภาคเกษตรของประเทศไทยให้เป็นวาระแห่งชาติ ส่งเสริมการทำงานของผู้สูงอายุ และผู้พิการในภาคเกษตร เพื่อลดการว่างงานตามฤดูกาล ทดแทนการใช้แรงงานต่างด้าว และการทำงานต่ำระดับที่ทำให้เกิดการว่างงานแฝง โดยการส่งเสริมการแปรรูปผลผลิตในท้องถิ่น OTOP เพื่อให้มีงานทำตลอดปี ซึ่งจำเป็นต้องมีการรวมกลุ่มเกษตรกรในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการจัดหาตลาดให้แก่เกษตรกรอย่างเป็นรูปธรรมและต่อเนื่อง รวมทั้งการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตร
มูลนิธิชีวิตไท (Local Act)
129/250 หมู่บ้านเพอร์เฟคเพลส รัตนาธิเบศร์ ถนนไทรม้า ต.บางรักน้อย อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
โทรศัพท์: 02-048-5465 E-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.