ผ่านมาเกือบ 6 เดือนแล้วสำหรับโครงการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างบูรณาการและยั่งยืน ที่รัฐบาลหมายมั่นปั้นมือว่า โครงการนี้จะเป็นกลไก สำคัญที่เข้ามา "ปราบหนี้เถื่อนเป็นศูนย์"
โดยวัตถุ ประสงค์หลักของโครงการก็คือ การแก้ปัญหาทั้งในส่วน ของลูกหนี้และเจ้าหนี้นอกระบบควบคู่กันไปอย่างบูรณาการ ครบวงจร และต่อเนื่อง กับ 5 มิติ ได้แก่ 1.การดำเนินการ อย่างจริงจังกับเจ้าหนี้นอกระบบที่ผิดกฎหมาย โดยมีพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ห้ามเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ.2560 ซึ่งจะเพิ่มโทษกับเจ้าหนี้นอกระบบที่ปล่อยกู้และเรียก ดอกเบี้ยเกินอัตราที่กำหนด ซึ่งจะเป็นการกำจัดเจ้าหนี้นอกระบบให้หมดไปจากประเทศไทยได้
2.การเพิ่มช่องทางการเข้าถึงสินเชื่อในระบบให้กับลูกหนี้นอกระบบและประชาชนทั่วไป โดยสนับสนุนให้เจ้าหนี้นอกระบบเข้ามาเป็นเจ้าหนี้ในระบบที่ถูกต้องตามกฎหมาย ผ่านการขออนุญาตเป็นผู้ประกอบการธุรกิจนาโนไฟแนนซ์ และพิโกไฟแนนซ์ 3.การลดภาระหนี้นอกระบบโดยการไกล่ เกลี่ยประนอมหนี้ โดยมีคณะอนุกรรมการไกล่เกลี่ยประนอม หนี้ซึ่งมีอยู่ทุกจังหวัดคอยดูแล รวมทั้งธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ยังมีจุดให้คำปรึกษาหนี้นอกระบบในทุกสาขาทั่วประเทศด้วย
4.การเพิ่มศักยภาพของลูกหนี้นอกระบบ โดยการปรับ เปลี่ยนพฤติกรรมให้ความรู้ทางการเงิน ให้ความรู้ด้านการประกอบอาชีพและการพัฒนาฝีมือแรงงาน เพื่อให้ลูกหนี้มีรายได้เพียงพอ ไม่ต้องเป็นหนี้ซ้ำอีก และ 5.การร่วมมือ กันอย่างบูรณาการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาเครือข่ายองค์กรการเงินชุมชนให้ทำหน้าที่ทดแทนเจ้าหนี้นอกระบบ การให้หน่วยงานรัฐเข้าไปเป็นพี่เลี้ยงคอยสนับ สนุนเงินทุนให้องค์กรการเงินชุมชนเกิดความแข็งแกร่ง
ตรงนี้เป็นกรอบแนวทางในการปราบหนี้นอกระบบของรัฐบาล ที่เรียกว่า "บูรณาการ" นั้นคือ ไม่เพียงเป็นการร่วมมือจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว แต่กระบวนการดำเนินการในส่วนที่นอกเหนือจากการแก้ไขปัญหา คือการป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นปัญหาอีก ในส่วนนี้เองอาจจะเป็นตัวชี้วัดได้ว่า การแก้ปัญหาหนี้นอกระบบของรัฐบาลดำเนินการมาได้อย่างถูกทางและถูกต้องแล้ว
ส่วนความคืบหน้าของโครงการพิโกไฟแนนซ์นั้น ล่าสุดกระทรวงการคลังได้อนุมัติใบอนุญาตประกอบธุรกิจให้ผู้ประกอบการทั่วประเทศแล้ว 119 ราย จากยอดคำขอทั้งสิ้น 322 ราย และขณะนี้มีการเปิดให้บริการประชาชนแล้วกว่า 60 ราย ถือว่าสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ นั่นหมาย ความว่ากระทรวงการคลังเชื่อมั่นว่าในส่วนนี้จะช่วยให้การแก้ไขหนี้นอกระบบของภาครัฐมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะผู้ประกอบการหนี้นอกระบบเดิมได้เข้ามาให้บริการในระบบเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
พร้อมกันนี้กระทรวงการคลังยืนยันว่า โครงการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบยังคงเดินหน้าไปอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าหลายฝ่ายจะตั้งข้อสังเกตว่าโครงการอาจจะไม่ได้บูมเหมือน ช่วงที่เปิดตัว โดย "อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.การคลัง" ยืน ยันว่า โครงการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบยังดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการปล่อยสินเชื่อผ่านพิโกไฟแนนซ์ ที่หลายฝ่ายมองว่ายังเงียบอยู่ แต่จริงๆ ก็ไม่ได้เงียบ และผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาตก็เริ่มปล่อยกู้ให้กับประชาชนกลุ่มเป้าหมายเรียบร้อยแล้ว ตรงนี้จะเป็นการเพิ่มช่องทาง ในการเข้าถึงแหล่งเงินในระบบของประชาชน ซึ่งก็จะทำให้การกู้เงินนอกระบบค่อยๆ หายไป ควบคู่ไปกับการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการปราบปรามเจ้าหนี้นอกระบบทั่วประเทศ
อย่างไรก็ดี คงต้องติดตามกันต่อไปว่า เมื่อถึงสิ้นปี 2560 ตามที่รัฐบาลกำหนดไว้ว่าปีนี้จะเป็นปีแห่งการปราบหนี้นอกระบบให้เป็นศูนย์นั้น จะดำเนินการได้ตามเป้าหมาย อย่างแท้จริงหรือไม่ แต่เชื่อว่าโครงการดังกล่าวเป็นเรื่องที่ดี เพราะการช่วยให้ประชาชนหลุดจาก "หนี้นอกระบบ" ที่เรียกเก็บดอกเบี้ยโหดจนทำให้ต้องมีภาระในการจ่ายดอกเบี้ยเป็นจำนวนมากนั้น เป็นเรื่องที่ดีอย่างยิ่ง.
มูลนิธิชีวิตไท (Local Act)
129/250 หมู่บ้านเพอร์เฟคเพลส รัตนาธิเบศร์ ถนนไทรม้า ต.บางรักน้อย อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
โทรศัพท์: 02-048-5465 E-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.