ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ ได้ขับเคลื่อนโครงการเกษตรแปลงใหญี่ประชารัฐ โดยให้เกษตรรายย่อยร่วมที่มีอาชีพเดียวกันรวมกลุ่ม โดยเฉพาะการทำนาให้ได้แปลงละ 1,000 ไร่ขึ้น นำร่องจำนวน 650 แปลง จำนวน 32 สิ้นค้า ทั้งเพื่อให้เกิดการร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมกันจัดหาปัจจัยการผลิต เกิดการวางแผนการตลาดเพื่อนำไปสู่การลดต้นทุน การเพิ่มผลผลิต มีการผลิตสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสและขีดความสามารถในการแข่งขันของสินค้าเกษตรภายใต้การสนับสนุนและบูรณาการของหน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานภาคีต่างๆ
ล่าสุด ท่าน อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร “โอฬาร พิทักษ์” ที่กำลังจะเกษียณอายุราชการภายในสิ้นเดือนได้สรุปว่า มีจำนวนแปลงที่เข้าสู่ระบบแล้ว จำนวน 596 แปลง พื้นที่ 1,470,509 ไร่ เกษตรกร 93,260 ราย
ปัจจุบันกรมส่งเสริมการเกษตร กำลังดำเนินการโครงการสนับสนุนสินเชื่อให้กลุ่มชาวนาผู้ผลิตข้าวแบบแปลงใหญ่ ปีการผลิต 2559/60 ในพื้นที่ทั้งหมด 66 จังหวัด มีแปลงใหญ่ข้าวที่ผ่านหลักเกณฑ์ทั้งหมด จำนวน 386 แปลง และมีจังหวัดที่รายงานผลความก้าวหน้าแล้ว จำนวน 50 จังหวัด รวม 265 แปลง ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการจัดประชุมทำความเข้าใจกับเกษตรกรและได้จัดทำโครงการไปแล้ว จำนวน 232 แปลง ส่วนที่เหลือ จำนวน 33 แปลงยังไม่ได้ดำเนินการ ส่วนการตัดสินใจของเกษตรกรที่จะเข้าร่วมโครงการมีมติขอกู้ จำนวน 50 แปลง เป็นเงิน 147,277,670 บาท
เป็นเงินงบประมาณ ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.)มีมติเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2559 ที่อนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมการเกษตร ดำเนินงานโครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อพัฒนาระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ วงเงินสินเชื่อของธนาคารการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร( ธ.ก.ส.) จำนวน 3,250 ล้านบาท ระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2560 - 2562
เป้าหมายในการพัฒนาระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ จำนวน 650 แปลง โดยให้เป็นเงินชดเชยดอกเบี้ยให้แก่ ธ.ก.ส. ร้อยละ 3.50 บาท/ปี กลุ่มเกษตรกร/วิสาหกิจชุมชน/สหกรณ์ ให้ชำระดอกเบี้ยอัตรา ร้อยละ 0.01 นั้น ทางกรมส่งเสริมการเกษตรได้วางแนวทางการพัฒนาและเป้าหมายการส่งเสริมการเกษตรในรูปแบบแปลงใหญ่ จำนวน 650 แปลง รวม 32 สินค้า เน้นการลดต้นทุนให้ได้อย่างน้อย ร้อยละ 20 และเพิ่มผลผลิตอย่างน้อย ร้อยละ 20
นอกจากนี้ยังจัดทำโครงการเพื่อขอกู้ อยู่ระหว่างดำเนินการ จำนวน 23 แปลง จัดทำโครงการแล้วเสร็จ จำนวน 27 แปลง และได้จัดส่งโครงการให้คณะอนุกรรมการพัฒนาการเกษตรระดับจังหวัดแล้ว จำนวน 23 แปลง ซึ่งคณะอนุกรรมการฯ เห็นชอบและส่งโครงการให้ ธ.ก.ส.แล้ว จำนวน 2 แปลงทั้งนี้ ยังมีจังหวัดที่ไม่ได้รายงานผลการดำเนินงานเข้าสู่ระบบอีก จำนวน 16 จังหวัด ซึ่งกรมส่งเสริมการเกษตรจะได้เร่งรัดหน่วยงานในพื้นที่ดำเนินการต่อไป
โครงการเกษตรแปลงใหญ่ประชารัฐ ถือเป็นนโยาบหนึ่งของกระทรวงเกษตรที่พยายามที่จะให้ภาคการเกษตรนั้นมีต้นทุนต่ำโดยเฉพาะในเรื่องของการซื้อปุ๋ยสามารถซื้อล๊อตใหญ่จากโรงงานโดยไม่ต้องผ่านพอค้่าคนกลาง ที่สำคัญเกษตรกรจะได้ไม่ต้องถูกหลอกซื้อปุ๋ยด้วย ขณะที่ผลผลิตก็ได้คุณภาพเพราะภาครัฐจะช่วยดูแลโดยมีมีเจ้าหน้าที่คอยให้ความแนะ วิธีทำการเกษตรที่ถูกต้อง หากมีปัญหาเกี่ยวกับแปลงศัตรูพืชสามารถแก้ปัญหาได้พร้อมๆกันด้วย
ถือเป็นแนวทางที่ดี หลายประเทศทำกันแบบนี้มานานแล้วครับ ปัญหาตรงที่ว่าหากรัฐบาลนี้หมดวาระไปรัฐบาลใหม่ สานต่อหรือไม่ เพราะบ้านเราก็ยังที่เห็นๆนั่นแหละ เปลี่ยนรัฐที่ไร นโยบายก็เปลี่ยนด้วย บางครั้งรัฐบาลเดียวกันแต่เปลี่ยนรัฐมนตรีก็เปลี่ยนนโยบาบอีก ทำภาคการเกษตรของไทยยังล้าหลังถึงทุกวันนี้ เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงครับ!
ที่มา : คมชัดลึก วันที่ 28 ก.ย. 2559
มูลนิธิชีวิตไท (Local Act)
129/250 หมู่บ้านเพอร์เฟคเพลส รัตนาธิเบศร์ ถนนไทรม้า ต.บางรักน้อย อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
โทรศัพท์: 02-048-5465 E-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.