โดย - อาหมัด เบ็ญอาหวัง
จากการที่ “สุกรรณ์ สังข์วรรณะ” เป็นลูกเกษตรกรพันธุ์แท้มาแต่กำเนิด ที่ครอบครัวยึดอาชีพ ทำนาทำไร่ ที่บ้านดอนหอคอย ต.ยุ้งทะลาย อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ทำให้เขาเลือกเรียนที่วิทยาลัยเกษตรกรรสุพรรณบุรี อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี ต่อระดับปริญญาตรีคณะเทคโนโลยีการเกษตร สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า วิทยาเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กรุงเทพฯ จบแล้วกลับบ้านเกิดทำนา และแต่งงานไปปักหลักทำนาในพื้นที่ มรดกของภรรยา ที่ อ.หนองหญ้าไซ จ.สุพรรณบุรี 33 ไร่ แบ่งเป็นทำนาปี 30 ไร่ เลี้ยงสุกรหรือหมูขายลูกพันธุ์ และขุน เริ่มจากแม่พันธุ์ 19 ตัว และพ่อพันธุ์ 1 ตัว ตั้งแต่ปี 2531
สุกรรณ์ มองว่า การยึดอาชีพเกษตร น้ำเป็นปัจจัยสำคัญ ในที่สุด เขาขุดสระน้ำในพื้นที่ 8 ไร่ ในปี 2532 หวังจะทำนาปีละ 2 ครั้ง พร้อมกับหันมาทำเกษตรกอินทรีย์ ที่กระแสกำลังมาแรง แต่ทำได้ไม่กี่ปี พบว่าไม่คุ้ม เนื่องจากสภาพดินที่ สุพรรณบุรียังขาดธาตุอาหารบางชนิด และยังมีแมลงศัตรูพืชอีกจำนวนมาก จึงหันมาทำเกษตรแบบปลอดภัย ใช้ปุ๋ย และสารเคมีในปริมาณที่เหมาะกระทั่งวันเวลาผ่านไป เขาซื้อที่เพิ่มอีก 25 ไร่
สุกรรณ์ สังข์วรรณะ
“ที่ผ่านมาเราทำเกษตรในรูปแบบหยังชีพมากกว่า แต่โลกเปลี่ยนแล้ว การเกษตรต้องเปลี่ยน ผมจึงหันมาทำเกษตรในรูปแบบ เศรษฐกิจ หรือเกษตรอุตสาหกรรม เช่าพื้นที่ทำไร่อ้อย ทำนา 300 ไร่ ขยายเพิ่มเป็น 700 ไร่ในวันนี้ ซื้ออุปกรณ์ ลงทุนด้านเทคโนโลยีจำพวกเครื่องจักรกลการเกษตรมาแทนแรงงานคน ที่นาปลูก นำข้าวเปลือกสีเป็นข้าวสาร ขายเอง จน 4 ปีที่ผ่านมา ผมแปรรูปข้าวไรท์เบอร์รี สีเอง บรรจุแพ็คขายเอง กำหนดราคาเอง ทำให้ทุกวันนี้ มีรายได้แต่ละปีได้ราว 6-7 ล้านบาท หักต้นทุนแล้วเราอยู่ได้อย่างสบาย” เขา กล่าว
ความสำเร็จในอาชีพของ สุกรรณ์ ทำให้วันนี้ เขาได้รับเชิญให้เป็นวิทยากรบรรยายด้านการพัฒนาภาคการเกษตรไม่ขาดสาย รวมถึงได้รับเชิญให้เป็นอนุคณะกรรมธิการหลายคณะที่เกี่ยวกับการเกษตร ทั้งในส่วนของสภานิติบัญญัติแห่ง (สนช.) และสภาปฏิรูปแห่งชาติ ล่าสุดเขาใช้พื้นที่ ซื้อใหม่ 25 ไร่ สร้างอาคารเรียนรู้ด้านการเกษตรสมัยใหม่ มีคนช่วยสมทบทุน 2 แสนบาท ยกที่ให้ 1 ไร่ หาก 4 แสนบาท ยกให้ 4 ไร่ เพื่อทำเกษตรรวมกันในยามวัยชราในรูปแบบเกษตรรวมแปลง โดยเขาเป็นพี่เลี้ยงให้
สนใจเกษตรสมัยใหม่ สไตล์ “สุกรรณ์ สังข์วรรณะ”สอบถามได้ที่ 089-745-4
ที่มา : คมชัดลึก วันที่ 14 ก.ย. 2559