เสรี พงศ์พิศ
หลายสิบปีที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่า น้ำมันกำหนดค่าครองชีพ กำหนดระเบียบโลก วันนี้บรรดายักษ์ใหญ่ค้าน้ำมันโลกเริ่มยอมรับแล้วว่า ยุคยิ่งใหญ่ของน้ำมันกำลังจบลง นี่คือการเริ่มต้นจุดจบแห่งระเบียบเก่าที่กำหนดโดยน้ำมันโลก
นักวิเคราะห์บอกว่า ความล้มเหลวของการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันที่เรียกว่าโอเปค ที่กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมายืนยันความจริงข้อนี้ ผู้ค้าน้ำมันรายเล็กเริ่มล้มหายตายจากไปพักหนึ่งแล้ว ต่อไปนี้เป็นทีของบรรดายักษ์ใหญ่ที่ถ้าไม่ปรับตัวก็ต้องมีอันเป็นไปด้วยอย่างแน่นอน
การประชุมผู้นำโลกที่กรุงปารีสเมื่อปีที่แล้ว สะท้อนให้เห็นสำนึกใหม่ของโลกที่ต้องการแก้ปัญหาโลกร้อน แก้ปัญหามลพิษที่มีสาเหตุสำคัญจากการใช้น้ำมันหรือพลังงานฟอสซิล ซึ่งมาพร้อมกับการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ยุคใหม่ที่ไม่ใช้นำมันหรือแก๊สอีกต่อไป
วันนี้รถยนต์ใช้พลังไฟฟ้าเต็มอัตราออกมาแล้ว และกำลังจะออกสู่ตลาดใหญ่ภายในปีสองปีนี้เอง และอีกไม่เกิน 10 ปี รถยนต์ใหม่ทุกคันจะใช้ไฟฟ้า รถยนต์ใช้น้ำมันจะกลายเป็นของโบราณ
ไฟฟ้าพลังงานไม่รู้หมด (renewable energy) จากแสงอาทิตย์ ลม ชีวมวลกำลังเปลี่ยนจากการเป็นพลังงานทางเลือกมาเป็นพลังงานทางหลักอย่างรวดเร็ว ราคาถูกลง ทั้งโซลาร์เซลล์และการเก็บพลังงาน มีเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นแต่ถูกลงทุกวันและแข่งขันกันผลิตทั่วโลก
สิ่งที่นักวิเคราะห์กล้าฟันธงว่าขาลงแบบไม่มีวันกลับของน้ำมันได้เริ่มขึ้นแล้ว เพราะปัจจัยราคาน้ำมันตกครั้งนี้ไม่ใช่แค่เรื่องความขัดแย้งทางการเมืองในอ่าวเปอร์เซีย แต่เป็นเรื่องของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทั่วโลก ที่เรียกว่า “โลกใหม่” และกล้าให้สมญานามเก่าแต่ความหมายใหม่ว่านี่คือ “การปฏิวัติเขียว” (Green Revolution) ที่เกี่ยวข้องกับอาหารและพลังงาน
ความหมายเดิมของปฏิวัติเขียว คือ การปรับพันธุ์และวิธีการปลูกพืชเศรษฐกิจโดยเฉพาะข้าวเมื่อประมาณ 50 ปีก่อน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการก้าวเข้าสู่ยุคเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรด้วยการใช้สารเคมีกับเทคโนโลยีสมัยใหม่
ปฏิวัติเขียววันนี้เป็นกระบวนการ “คืนสู่ธรรมชาติ” กลับไปสู่กระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่ทำลายดิน น้ำ ป่า เพื่อให้ได้อาหาร “อินทรีย์” ที่ไม่ใช้สารเคมีที่กำจัดศัตรูพืชแต่ฆ่าคนได้ด้วย ที่เพิ่มผลผลิตอย่างไม่เป็นธรรมชาติ ผลิตได้มากมาย แต่บิดเบือนทำลายโครงสร้างพันธุกรรม ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพและพันธุกรรมของมนุษย์
วันนี้ผู้คนทั่วโลกต้องการอาหารอินทรีย์ ตลาดอาหารอินทรีย์เติบโตทุกปีในสหรัฐอเมริกา ยุโรป และประเทศพัฒนาแล้วประมาณร้อยละ 15-20 จนเกษตกรผลิตไม่ทัน ไม่ว่าจะผลิตในประเทศหรือน้ำเข้า ที่ผลิตกันในประเทศกำลังพัฒนาส่วนใหญ่ยังไม่อินทรีย์จริง ไม่ผ่านเกณฑ์ อาจจะหลอกผู้บริโภคบ้านตนเองอย่างในประเทศไทยได้ แต่หลอกประเทศที่นำเข้าไม่ได้ ดังกรณีอียูที่ปฏิเสธผักผลไม้ไทย
อาหารอินทรีย์มีปริมาณน้อยในตลาดจึงมีราคาแพง นอกนั้น ผู้ผลิตมีเหตุผลที่ตั้งราคาสูงก ว่าผลผลิตทั่วไปที่ใช้สารเคมี เพราะอาหารอินทรีย์จริงๆ ทำกันในพื้นที่ขนาดเล็ก ใช้แรงงานมาก ใช้เวลาในการเพาะปลูกนานกว่า และมีการหมุนเวียนพืชผักที่ปลูกไม่ให้ซ้ำกัน ซ้ำพื้นที่ เพื่อป้องกันศัตรูพืช อาหารอินทรีย์จึงต้องปลูกหลากหลาย ปริมาณไม่มาก
ที่ประเทศญี่ปุ่น ขบวนการไดอิจิเชื่อมโยงผู้ผลิตอาหารในชนบทกับผู้บริโภคในเมือง ส่งผัก ผลไม้ อาหารสดถึงบ้าน รู้จักกัน เป็นเพื่อนกัน ที่เชียงใหม่ มีครือข่าย “อิ่มบุญ” ที่ ดร.ชมชวน บุญระหงษ์ กับคณะประสานเครือข่ายชาวบ้านผู้ผลิตอาหารอินทรีย์ในชนบทกว่า 12 อำเภอมากว่า 20 ปี วันนี้ขายมากกว่า 20 จุดในเมืองเชียงใหม่ ในโรงพยาบาล สถานศึกษา ตลาดทั่วไป จนคนขายคนซื้อเป็นพี่น้องกัน มีของฝากให้กัน เชิญชวนไปดูงานในหมู่บ้าน จะได้เห็นกระบวนการผลิต ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้
คุณมนูญ เทศนำ ทำเกษตรอินทรีย์พื้นที่ 16 ไร่ ภรรยานำไปขายเช้าเย็นในหมู่บ้านที่ดอยสะเก็ด เชียงใหม่ ขายได้ดีไม่มีเหลือ เช่นเดียวกับอีกหลายคนหลายหมู่บ้านที่มีการปลูกพืชผักไว้กิน เหลือกินก็เอาไปขายในตลาดชุมชน ตามร้านค้าบ้าง ตลาดนัดบ้าง บางหมู่บ้านจัดการดีก็รวมผลผลิตไปขายในเมือง
โลกใหม่ที่เปลี่ยนไปนี้ ชุมชนคนเล็กๆ นอกจากมีโอกาสได้อาหารดี พลังงานไม่มีหมด ยังมีโอกาสผลิตเพื่อนำส่วนเกินไปส่งตลาดในเมือง รวมถึงตลาดต่างประเทศได้ด้วย ถ้ามีการบริหารจัดการให้ดี มีการสร้างเครือข่าย มีสหกรณ์หรือวิสาหกิจชุมชนเข้มแข็ง และมีความสัตย์ซื่อ ไม่ถือโอกาสโกงเพื่อทำกำไร
นอกจากอาหารและพลังงาน โลกใหม่ยังต้องการเสื้อผ้าที่ไม่ใช้สารเคมี สีเคมี ต้องการสมุนไพร ปัจจัยสี่ ที่ชุมชนคนเล็กๆ จัดให้ได้ดีกว่าบริษัทยักษ์ใหญ่ ต้องการที่อยู่อาศัยใช้วัสดุธรรมชาติ ชาวบ้านปลูกไม้อย่างกระถินเทพาไว้ไม่กี่สิบต้น ไม่ถึงสิบปีก็นำมาสร้างบ้านได้ ทำเครื่องเรือนได้ อยู่เองใช้เองก็ได้ ขายให้คนที่อยากอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติก็ได้ โอกาสของชุมชนคนเล็กๆ เปิดกว้างในโลกใหม่
Small is beautiful เล็กนั้นงามเป็นความจริง มีคุณค่าจริง ไม่ใช่เรื่องโรแมนติก หรือฝันกลางวันของคนจน คนโบราณ แต่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นแล้ววันนี้
ที่มา : สยามรัฐ วันที่ 24 พ.ค. 2559
มูลนิธิชีวิตไท (Local Act)
129/250 หมู่บ้านเพอร์เฟคเพลส รัตนาธิเบศร์ ถนนไทรม้า ต.บางรักน้อย อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
โทรศัพท์: 02-048-5465 E-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.