พบลุงทองปาน ยอดเกษตรกรเมืองสกล พลิกผืนนาปลูกทุกอย่างจนปลดหนี้สำเร็จ!

(3 ธ.ค.58) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เดินเยี่ยมชมการทำเกษตรพอเพียงแบบผสมผสาน ในพื้นที่ 30 ไร่ ม.4 ต.สว่าง อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร ซึ่งเป็นของลุงทองปาน พิมพานิชย์ วัย 65 ปี ภายหลังประสบผลสำเร็จในการทำเกษตรอย่างครบวงจร ด้วยการปลูกทุกอย่างในพื้นที่ที่เป็น พืชเศรษฐกิจหลัก และพืชผักสวนครัว เช่น กล้วยหอมทอง อ้อย มะละกอ ฟัก พุทรา มะขามหวาน มะม่วง ผักหวาน แก้วมังกร อินทผลัม นอกจากนี้ยังเลี้ยงกบ ปลา เลี้ยงหมู  เป็ด ไก่  จนสามารถมีกิน มีใช้ ไม่ขัดสน เลี้ยงครอบครัวในบั้นปลายของชีวิตได้อย่างสบาย ซึ่งจากเดิมพื้นที่ทั้งหมดเป็นดินลูกรังและไม่อุ้มน้ำ ปัจจุบันกลายป็นบ่อเงินบ่อทองเหมือนห้างสรรพสินค้าที่มีทุกอย่างรวมมาไว้ที่สวนลุงทองปานแห่งนี้

ลุงทองปาน พิมพานิชย์ เปิดเผยว่า แต่เดิมมีอาชีพทำนาเป็นหลัก ทุกปี มักประสบปัญหาปลูกข้าวนาปี นาปรัง ไม่ค่อยสำเร็จ เนื่องจากอยู่ไกลจากระบบชลประทานและสภาพดิน ในพื้นที่เป็นกรดและด่าง จะปลูกพืชอะไรก็ตายหมด เลยกัดฟันสู้ทำนาอย่างเดียว แต่ก็ได้แค่ข้าวเก็บขึ้นยุ้งฉาง ไว้กินเท่านั้น ไม่เหลือพอไว้ขาย ต่อมาจึงเริ่มเป็นหนี้ สถาบันการเงินต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง กล่าวง่ายๆ ทำนาทุกปี ต้องเป็นหนี้ทุกปี กู้มาทำนา แต่พอเกี่ยวข้าวแล้ว ข้าวกลับไม่พอขาย หนี้สินก็พอกพูนไปเรื่อยจนมีหนี้หลายแสนบาท ท้ายที่สุดในปี 2540 จึงคิดว่า หากยังทำนาแบบนี้ ตายกันพอดี รายได้ไม่มีนอกเหนือจากทำนาจะเอาเงินที่ไหนไปใช้หนี้ จึงหันมาปรับเปลี่ยน น้อมนำทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง แบบผสมผสานของพ่อหลวงมาปรับใช้ เริ่มต้นด้วยการปลูกผักสวนครัวขาย เช่น ปลูกหอม ผักชี พริก  มะละกอ ผักกาด กะหล่ำ คะน้า ผักบุ้ง แต่แล้วก็ล้มตายไม่เป็นท่า เพราะลืมไปว่า ดินบริเวณที่อยู่ตรงนี้มีปัญหาจากสภาพกรด และด่าง

ต่อมาจึงได้เข้าไปปรึกษาสถานีพัฒนาดิน จ.สกลนคร ซึ่งปัจจุบัน มีนายชูเกียรติ คำโสภา เป็นผู้อำนวยการ ในการขอความรู้เพื่อแก้ปัญหาสภาพ ดิน ที่เป็นกรดเป็นด่าง ให้สามารถปลูกพืชได้ ด้วยน้ำหมักชีวภาพ และผลิตปุ๋ยอินทรีย์ตามคำแนะนำ จนท้ายที่สุดก็แก้ปัญหาได้ เมื่อสภาพดินได้ที่แล้ว จึงหันมาปลูกพืชเศรษฐกิจ ด้วยการปลูกกล้วยหอมทอง เป็นหลัก และปลูกแก้วมังกร  เสริมกันไป ปรากฏว่าได้ผลดีเกินคาด กล้วยหอมทองต่างออกผล ลูกโต น้ำหนักมาก หอมหวาน และส่งขายจนสามารถตีตลาดส่งขายในไทยไปจนถึงประเทศญี่ปุ่น ซึ่งนิยมทานเพื่อลดน้ำหนัก มีออเดอร์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง เริ่มเห็นเม็ดเงินจากหยาดเหยื่อที่ลงทุนไป สามารถทยอยปลดหนี้จากสถาบันการเงินได้หมด จากนั้นจึงเริ่มคุมรายรับรายจ่าย ในการออมอย่างถูกวิธี ต้องมีรายรับมากกว่ารายจ่าย

ต่อมาในปี 2550 เป็นต้นมา ได้ไปศึกษาการทำเกษตรที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ แล้วได้แนวคิดการปลูกที่ขายได้และเก็บไว้กินได้ เน้นเกษตรผสมผสานครบวงจรอย่างจริงจัง ในพื้นที่ 30 ไร่ จะต้องใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่ามาก ที่สุด เช่นการปลูกมะม่วงชิด คือปกติการปลูกมะม่วง 400 ต้นจะใช้พื้นที่กว่า 10 ไร่ แต่ที่ตนทำ การปลูกมะม่วงแบบชิด 400 ต้น สามารถทำได้ ใน 1 ไร่ นอกจากนี้ยังเป็นผลดีต่อความชื้นในผิวดิน จากใบที่ปกคลุมทำให้ชุ่มฉ่ำตลอด เวลา ผลดกน้ำหนักดี เช่นเดียวกันกับการปลูกอ้อย จะต้องคั่นด้วยต้นพุทรา กล้วยหอมทอง มะขามหวาน แก้วมังกร อินทผลัม สละ ไว้ในที่ที่เดียวกัน แต่ต้องตรวจสอบด้วยว่า พืชชนิดใดที่ไม่เข้ากัน ก็แยกปลูกออกไปเพื่อป้องกันปัญหาการแย่งอาหาร แล้วบำรุงรักษาพืชผลทางการเกษตร  ให้ปุ๋ยด้วยปุ๋ยชีวภาพจากมูลสัตว์ และน้ำหมักที่ทำเองภายในบ้าน โดยไม่จำเป็นต้องใช้สารเคมีแต่อย่างใด ต้นทุนมีเพียงแค่ความขยันเท่านั้น โดยตนมีรายได้จากการทำเกษตรขายผลผลิตในสวน เฉลี่ย 2-3 หมื่นบาทต่อเดือน โดยเฉพาะรายได้หลักจากกล้วยหอมทองที่เป็นที่ต้องการของท้องตลาด สามารถอยู่ได้อย่างสบายไร้หนี้ มีกินในครอบครัว มีเหลือให้เพื่อนบ้านได้อีกด้วย ลุงทองปาน กล่าว

ปัจจุบันสวนลุงทองปาน กลายเป็นศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง แบบผสมผสานอย่างครบวงจร และมีกลุ่มชาวบ้านในหมู่บ้านทำผ้าย้อมคราม จากต้นคราม รวมตัวถักทอผ้าครามอย่างสวยงาม มีการสาธิการทำผ้าย้อมครามในศูนย์แห่งนี้ด้วย  มีหน่วยงานทางราชการมาศึกษาดูงานอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเกษตรกรที่อยากทำเกษตรก็เดินทางมาศึกษาดูงานที่นี่ โดยมีลุงทองปานเป็นวิทยากร คอยอธิบายหลักการ ทำเกษตรแบบผสมผสาน ตั้งแต่การแก้ปัญหาสภาพดิน พื้นที่เพาะปลูก การปลูกพืชอย่างไรให้ผลดี เป็นที่ต้องการของท้องตลาด สร้างบัญชีรายรับจ่าย การลดต้นทุนด้วยการผลิตปุ๋ยอินทรีย์จากมูลสัตว์ การทำน้ำหมักชีวภาพ  ช่องทางการตลาด เพื่อรองรับผลผลิต นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งบุคคลตัวอย่างที่ พลิกผืนนา ที่ทำทุกปี เป็นหนี้ทุกปีมาลองผิดลองถูกจนอยู่อย่างสบาย ใครสนใจอยากไปศึกษาเรียนรู้การทำเกษตรแบบครบวงจรกับลุงทองปานหรืออุดหนุนผลผลิต ปลอดสารพิษ สดๆจากสวน สามารถติดต่อได้ที่ 08-0196-9410

ที่มา : มติชน วันที่ 4 ธ.ค. 2558