ปัญหาหนักของประเทศไทยเรื่องหนึ่งคือปัญหาการค้าข้าว ปัญหามันเริ่มจากนโยบายรับจำนำข้าวทุกเมล็ดในราคาสูง ตอนที่เริ่มปฏิบัตินโยบายนี้ ไม่เพียงมีเสียงผู้รู้คนไทยคัดค้าน ทักท้วงมากแล้ว คนต่างชาติติก็ได้วิพากษ์วิจารณ์ทักท้วงกันมากด้วย แล้วก็เป็นปัญหาจริง ๆ ตามที่ผู้รู้ทั้งไทยและต่างชาติแสดงความเห็นคัดค้านทักท้วงเอาไว้ เรื่องราวสืบเนื่องมานาน ถึงตอนนี้ปัญหาหนักอกคือสต็อกข้าวที่รัฐบาลต้องดูแล
สต็อกข้าวจำนวนมาก นอกจากรัฐต้องเสียงบประมาณค่าดูแลรักษาแล้ว ยังเป็นตัวดึงราคาข้าวให้ต่ำด้วย เฉพาะค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาข้าวก็สูงถึงประมาณหนึ่งพันล้านบาทต่อเดือน ตามรายงานว่า จากการตรวจสอบสต็อกข้าวทั้งหมดที่มี 18.7 ล้านตัน แบ่งเป็นข้าวผ่านเกณฑ์มาตรฐาน หรือหย่อนคุณภาพเล็กน้อย 12 ล้านตัน ข้าวต่ำกว่ามาตรฐานหรือข้าวเสีย 6 ล้านตัน และเป็นข้าวขาดบัญชี 4 แสนตัน นอกจากนี้ ยังมีข้าวนอกคลังกลางที่ต้องตรวจสอบอีก 3 แสนตัน อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์แจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าของคลังข้าวในกลุ่มที่ต่ำกว่ามาตรฐานและข้าวขาดบัญชี แล้ว สำหรับค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษา มีค่าเช่าคลัง ค่าฝากเก็บการเก็บรักษา การรมยา ค่าเงินกู้ รวมทั้งการประกันภัย เฉลี่ยเดือนละ 1,000 ล้านบาท ถือเป็นภาระหนักของรัฐบาล
ภาระนี้รัฐต้องรีบปลดทิ้งไป ความเสียหาย ขาดทุน นั้นแน่นอนอยู่แล้ว แต่หากยังต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาต่อไป ก็จะยิ่งเข้าเนื้อ ขาดทุนหนักขึ้นไป อีกทั้งก็ยังจะเป็นตัวถ่วงเรื้องราคาข้าวในตลาดโลกอีกด้วย เราสนับสนุนให้ ตัดเนื้อร้ายนี้ทิ้งโดยด่วน แต่มันก็ติดขัดกฎหมาย กฎระเบียบราชการ เช่น การทำลายข้าวที่เสื่อมคุณภาพ การขายทอดตลาดราคาถูก ก็อาจถูกร้องเรียนว่าทำผิดกฎระเบียบได้ เรื้องสต็อกยางพาราคุณภาพต่ำก็ทำนองเดียวกัน
มันเป็นปัจจัยถ่วงดึงราคายางให้ต่ำปัจจัยหนึ่ง เปรียบเป็นเนื้อร้ายเช่นกัน การแก้ปัญหาทั้งข้าวและยางพารา จำเป็นต้องใช้ความเด็ดขาด ล้างสต็อกไปเลย แล้วมาเริ่มต้นกันใหม่อีกครั้ง การตัดเนื้อร้ายนี้จำเป็น และต้องเด็ดขาดเสียที ปล่อยเวลาให้เนิ่นนานออกไป ข้าวและยางในสต็อกก็มีแต่จะเน่าเสีย ไม่มีราคา ทำให้ขาดทุนหนักมากขึ้นเรื่อย ๆ จะใช้มาตรการอะไรอย่างไรก็ขอสนับสนุนให้รัฐบาลรีบเร่งดำเนินการไปเถิด พร้อม ๆ กับอธิบายให้สังคมเข้าใจ เราเชื่อมั่นว่า เสียงส่วนใหญ่จะสนับสนุนให้รัฐบาลยอมเสียหาย ตัดเนื้อร้ายทิ้งเสีย ดีกว่ายอมเจ็บปวดและเสียหายหนักมากขึ้นเรื่อย ๆ
ที่มา : สยามรัฐ วันที่ 9 พ.ย. 2558