โดย...ไชยรัตน์ ส้มฉุน
เหลือเวลาไม่ถึง 5 เดือน จะถึงวันเปิดประตูเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี...วันนี้ประเทศไทยพร้อมแค่ไหน ภาคผลิตเกษตรกรส่วนไหนน่าห่วงใยมากที่สุด
“ข้าว ไม่ใช่จะมีปัญหาเฉพาะแค่ในตลาดเออีซีเท่านั้น ในตลาดโลกก็จะมีปัญหาด้วย” รศ. ดร.บัญชา ขวัญยืน รักษาการแทนอธิการบดี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ให้ความเห็นด้วยความกังวล ห่วงใยในอนาคตชาวนาไทย
จากพบปะเกษตรกรของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ด้วยการเปิดโรงเรียนชาวนา ฝึกอบรมให้ความรู้กับชาวนามากกว่า 10 ปี พบว่า วันนี้ชาวนาไทยส่วนใหญ่ ยังเป็นได้แค่เพียงคนปลูกข้าวเท่านั้น ไม่ค่อยมีความรู้ในการเลือกสายพันธุ์ข้าว เหมาะสมจะปลูกที่ไหน อย่างไร การนำเทคโนโลยีมาใช้ยังไม่เก่ง ทำการตลาดไม่ได้
“ในอาเซียน เวียดนามกับพม่าจะเป็นคู่แข่งที่น่ากลัว วันนี้พม่ามีการวางแผนขยายพื้นที่ชลประทานอย่างเป็นระบบ เพื่อเตรียมที่จะเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ให้เหมือนในอดีต ส่วนเวียดนามแทบไม่ต้องพูดถึง การส่งเสริมการปลูกข้าวทำได้ดีกว่าเรามาก มีการวางแผนล่วงหน้าอย่างเป็นระบบ มีการตั้งหน่วยงานมาศึกษาวิจัยรับผิดชอบเรื่องนั้นเป็นการเฉพาะ ที่สำคัญรัฐบาลประกาศให้คำมั่นสัญญาว่า จะทำอะไรจะทำจริง เพราะระบบการเมืองของเขาเป็นแบบสังคมนิยม รัฐบาลสามารถจัดการอะไรได้ง่ายกว่าเรา”
หากประเทศไทยต้องการให้ ข้าวไทย ชาวนาไทย อยู่รอด รศ.ดร.บัญชา มองว่า รัฐบาล โดยเฉพาะกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ต้องเน้นให้เกษตรกรปลูกข้าวคุณภาพ ที่ขายได้ราคาสูง เพื่อป้อนตลาดนิชมาร์เก็ต หรือตลาดเฉพาะอย่าง ข้าวออแกนิกส์ ข้าวไรซ์เบอรี่ ข้าวสังข์หยด ข้าวหอมมะลิ ฯลฯ
แต่ต้องไม่ใช่การส่งเสริมให้ปลูกแบบเหวี่ยงแห ให้ปลูกพร่ำเพรื่อไปทั่ว...จะต้องมีการกำหนดโซนนิ่งให้ชัดเจน ข้าวพันธุ์ไหนควรปลูกพื้นที่ไหน เพื่อจะได้ควบคุมทั้งคุณภาพและปริมาณให้เหมาะสมกับความ ต้องการของตลาด ผลผลิตจะได้ไม่ล้นตลาด ให้เป็นปัญหาต้องมาตามแก้กันอีก
“และที่น่าห่วงที่สุด ทุกวันนี้บ้านเราปลูกข้าวกันเยอะมาก ได้ผลผลิตออกมาไม่รู้จะเอาไปขายใคร วันนี้หลายประเทศ ปลูกข้าวไม่พอกิน ได้หันมาเริ่มปลูกข้าวกันมากขึ้น เพื่อลดการนำเข้าและสร้าง ความมั่นคงทางอาหาร เราจึงมีตลาดพอให้ไปขายได้ไม่กี่ประเทศ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ฮ่องกง แม้แต่ตะวันออกกลาง ถึงจะไม่มีนาให้ปลูกข้าว แต่ได้มาเช่านาจ้างนายทุนไทยปลูกส่งข้าวไป ขายเขาโดยตรงมาหลายปีแล้ว อนาคตตลาดข้าวจะแคบไปเรื่อยๆ”
นอกจากนั้น ดร.บัญชา ยังบอกอีกว่า ผู้เชี่ยวชาญได้ทำนายอนาคตการทำนาของประเทศไทยจะเปลี่ยนไป จากปัจจุบันเกษตรกรรายย่อยเช่าที่นายทุนทำนา จะกลายเป็นนายทุนจะเอาที่นามาปลูกข้าวเป็นแปลงใหญ่ซะเอง ทำนาแบบฟาร์มแมชชีนเนอร์ โดยใช้เครื่องจักรกลทั้งหมด
“10 ปีข้างหน้า เกษตรกรรายเล็กจะอยู่รอดได้ ต้องทำนาผสมหรือไม่หันรวมกลุ่มกันทำนาร่วมกันแบบครบวงจร ปลูกเอง แปรรูปเอง และขายเอง ถ้าไม่ทำ ไม่รู้จักปรับตัวก็ต้องเปลี่ยนอาชีพไปทำอย่างอื่นแทน”
ส่วนที่ถามว่า ประเทศไทยพร้อมรับเออีซีไหม ดร.บัญชา ให้คำตอบ...ธุรกิจภาคเอกชนรายใหญ่ และข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ที่ทำหน้าที่เจรจาการค้าระหว่างประเทศ มีความพร้อมรู้ทุกเรื่อง
แต่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ วันนี้จะมีคนรู้เรื่องเออีซีสักกี่คน...ถ้าไม่เชื่อลองเรียกมาซักถามได้ รู้มากแค่ไหน (ถ้าไม่นับกรณีรู้ว่ามี 10 ประเทศ แต่ละประเทศมีธงแบบไหน)
ที่มา: ไทยรัฐ วันที่ 4 ก.ย. 2558