โดย...วีรพงษ์ รามางกูร
ภาพที่โทรทัศน์ทุกช่อง วิทยุทุกสถานี และหนังสือพิมพ์ทุกฉบับนำเสนออยู่ในขณะนี้คือภาพที่ชาวนาขวนขวายรวมตัวกันต่อรองแย่งน้ำ เพื่อหล่อเลี้ยงต้นข้าวที่ตนได้ลงทุนลงแรงปลูกไปแล้วไม่ให้แห้งตายในที่ราบลุ่มเจ้าพระยา ซึ่งเป็นพื้นที่อู่ข้าวอู่น้ำของประเทศไทยมาแต่โบราณกาล เป็นภาพที่สะเทือนใจ เป็นภาพที่เศร้าสลดใจเป็นอย่างยิ่ง และยิ่งได้ยินคำสำทับของผู้นำรัฐบาลอย่างมะนาวไม่มีน้ำ ก็ยิ่งเศร้าสลดใจหดหู่ใจเป็นอย่างมาก
ภาพอ่างเก็บน้ำและคลองส่งน้ำที่แห้งขอด อันเป็นผลจากความแห้งแล้ง เพราะฝนในฤดูมรสุมปีนี้ไม่ตกเลย จนบัดนี้หมดฤดูปักดำนาสำหรับข้าวนาปีเสียแล้ว ต้องรอฝนจากพายุไต้ฝุ่นหรือดีเปรสชั่นจากมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งจะเข้ามามากน้อยเพียงใดก็คาดเดาได้ยาก แต่เป็นอันว่าข้าวหนัก ข้าวที่ไวต่อแสง เช่น ข้าวหอมมะลิ ข้าวขาวตาแห้ง ข้าวเสาไห้ รวมถึงข้าวเหนียวคุณภาพดี เช่น ข้าวสันป่าตอง และอื่นๆ ที่เป็นข้าวนาปี ฤดูปักดำได้ผ่านพ้นไปแล้วและคงจะเสียหายไปเป็นอันมาก เพราะเป็นข้าวที่เพาะปลูกทางภาคอีสานและภาคเหนือ ข้าวหนักที่ปลูกในภาคกลางที่ไวต่อแสงออกรวงเป็นฤดูกาลที่เสียหายไป คงจะปลูกไม่ได้นอกฤดูกาล ถ้าโชคดีฝนพายุไต้ฝุ่นดีเปรสชั่นเข้า ก็คงปลูกได้แต่ข้าวเบาหรือข้าวนาปรังที่ไม่ไวต่อแสง ปลูกนอกฤดูกาลได้
ภาพที่เห็นทางโทรทัศน์ ส่วนใหญ่เป็นภาพความแห้งแล้งของภูมิอากาศเป็นส่วนใหญ่ ข่าวและภาพทางฝ่ายราชการไม่ว่าจะเป็นฝ่ายการเมืองหรือฝ่ายข้าราชการเห็นและได้ยินน้อยมาก จนบัดนี้ก็ยังไม่ทราบว่าทางรัฐบาลมีแนวนโยบายจะชดเชยให้ชาวไร่ชาวนาอย่างไรแบบไหน เงินทองงบประมาณจะมาจากที่ใด นอกจากจะพูดว่า "ก็รู้แล้วว่ามันแล้ง สระแอ ล.ลิง งอ.งู แล้วจะให้ทำอย่างไร" พูดอย่างมะนาวไม่มีน้ำ ทำให้ช้ำใจเข้าไปอีกว่า "ปลูกข้าวไม่ได้ก็ไปปลูกหมามุ่ยสิ ราคาดีจะตาย" พร้อมกับหลุดคำผรุสวาทออกมาด้วย มีปืนเสียอย่าง พูดอะไรก็ได้ ทำหรือไม่ทำอะไรก็ได้ ไม่มีใครว่าอะไรได้
รัฐบาลประชาธิปไตยที่มาจากการเลือกตั้งกับรัฐบาลเผด็จการที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งนั้น วิธีคิด ทัศนคติ และวิธีปฏิบัติต่อประชาชนรากหญ้า ชาวไร่ชาวนาจึงแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
รัฐบาลเผด็จการนั้นไม่ได้มาจากประชาชน แม้จะมีนักต่อต้านประชาธิปไตยกล่าวอยู่เสมอว่าประชาธิปไตยไม่ใช่แค่การเลือกตั้ง ประชาชนเป็นใหญ่ก็เพียงนาทีเดียวในคูหาเลือกตั้ง นักการเมืองนั้นชั่วร้าย คอร์รัปชั่น โดยลืมไปว่าทหารและข้าราชการ นักวิชาการต่างๆ ที่มาเป็นรัฐมนตรีก็ดี มาดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่างๆ ในระดับต่ำกว่ารัฐมนตรีก็ดี ก็เป็นนักการเมืองเหมือนกัน ไม่มีใครชั่วกว่าใครหรือดีกว่ากัน เป็นคนไทยเหมือนกัน "ระยะทางจะพิสูจน์ม้า กาลเวลาจะพิสูจน์รัฐบาล"
ราษฎรระดับล่าง รากหญ้าหรือชาวไร่ชาวนาเป็นผู้อยู่ใต้ปกครองในสายตาของรัฐบาล รัฐมนตรีและข้าราชการเป็นเจ้าเป็นนาย เป็นผู้ดูแลทุกข์สุข จะไปชุมนุมเรียกร้องอะไร ที่แห้งที่แล้งนี้เป็นเรื่องของธรรมชาติ รัฐบาล ผู้ว่าราชการจังหวัด และข้าราชการทำอะไรไม่ได้ "แล้งก็คือแล้ง"
ตรงกันข้ามกับการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่มีที่มาจากประชาชนระดับล่าง ระดับรากหญ้า หรือชาวไร่ชาวนา ซึ่งไม่ใช่คนโง่ "คอยแต่ขายเสียง" รู้ว่ารัฐบาลและผู้แทนราษฎรที่มาจากเขาเหล่านั้นมีหน้าที่ที่จะต้องดูแลราษฎร นักการเมืองผู้แทนราษฎรจะรู้สึกร้อนอกร้อนใจถ้าไม่ได้ลงไปช่วยดูแลให้กำลังใจ นำความทุกข์ของราษฎรผู้ยากไร้ที่ประสบทุกข์ภัยอย่างสาหัสรุนแรงออกมาบอกกล่าว ให้สื่อมวลชนทราบ ให้รัฐบาลทราบ ทั้งนักการเมืองฝ่ายค้านและพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาล
ในสภาก็คงจะได้ยินการตั้งกระทู้ตั้งญัตติถาม แม้แต่การเปิดอภิปรายทั่วไปหรือเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพื่อที่จะนำเอาความทุกข์ร้อนของราษฎรในภาคเกษตรกรรมก็ดี ในภาคค้าส่งค้าปลีกก็ดี รวมไปถึงกิจกรรมที่ต่อเนื่องจากการเกษตรที่จะได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลก็คงจะถูกกดดันอย่างหนักให้รับผิดชอบต่อภัยพิบัติที่กำลังเกิดขึ้น คงจะมีการตั้งคณะทำงานและหน่วยปฏิบัติการพิเศษที่มี "นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน" มีรัฐมนตรีมหาดไทย เกษตร พาณิชย์ สิ่งแวดล้อมและอื่นๆ เป็นคณะทำงานใน "war room" และมีสภาผู้แทนราษฎรคอยกำกับติดตามอยู่ ซึ่งในระบอบเผด็จการไม่มี สภาแต่งตั้งอย่าง สปช.ก็ดี สนช.ก็ดี อาจจะไม่เคยลงไปดูความร้ายกาจจากภัยฝนแล้งเลย คงไม่เคยได้ยินด้วยซ้ำว่า "น้ำท่วมนั้นยังดีกว่าฝนแล้ง" รัฐบาลก็ดี สภาปฏิรูปก็ดี สภานิติบัญญัติก็ดี จึงไม่รู้สึกเดือดร้อนอะไร ไม่เหมือนนักการเมือง ที่ป่านนี้คงนั่งไม่ติดเหมือนกรณี "พายุเกย์" เหมือนกรณี "สึนามิ" ซึ่งเสียหายน้อยกว่า เพราะพื้นที่ถูกภัยพิบัติน้อยกว่าภัยแล้งคราวนี้มาก
การตอบสนองต่อภัยพิบัติระหว่างรัฐบาลที่มาจากประชาชน มาจากการเลือกตั้ง กับรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากประชาชน แต่มาจากรัฐประหาร รัฐบาลที่มาจากประชาชนจะเข้มแข็งและตื่นตัวต่อเหตุการณ์ ประชาธิปไตยจึงเป็นสิ่งที่กินได้สำหรับประชาชนชาวไร่ชาวนา ได้ยินว่ารัฐมนตรีเกษตรเพิ่งสั่งให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เมื่อวันจันทร์ที่ 20 กรกฎาคมนี้เอง
คราวนี้จึงเห็นกิริยาการตอบสนองต่อภัยพิบัติที่เกิดขึ้นกับประชาชนแบบเนือยๆ เช้าชามเย็นชาม ฝ่ายประชาชนก็รู้ตัวว่าตนเป็นเพียงราษฎรผู้อยู่ใต้การปกครอง ไม่มีสิทธิมีเสียงจะไปเรียกร้องการบริหารจากใคร อย่างมากก็ได้แต่เรี่ยไรเงินหมู่บ้านละหมื่นสองหมื่น เพื่อซื้อน้ำมันใส่เครื่องสูบน้ำเล็กๆ ตามมีตามเกิดมาวางเป็นแถวช่วยกันสูบน้ำ เห็นแล้วอนาถใจ
ไม่ว่าจะเกิดภัยแล้ง ไม่ว่าจะเกิดน้ำท่วม ชาวไร่ชาวนา คนชั้นล่าง จะถูกเรียกร้องให้เสียสละเพื่อคนกรุง เพื่อคนในเมือง คนกรุงยังไม่ทันเรียกร้องก็ได้ยินว่าจะได้รับการดูแล โดยการขอให้ชาวไร่ชาวนาเสียสละ หยุดการสูบน้ำเพื่อการเกษตร ข้าวในนาก็ดี ผลไม้ในสวนซึ่งต้องลงทุนและต้องรอ 4-5 ปีจึงจะมีผลก็ดี จะแห้งตาย จะยืนต้นตาย ชาวไร่ชาวนาจะหมดเนื้อหมดตัวก็ดี ไม่เป็นไร ขออย่าให้คนในเมืองขาดน้ำอุปโภคบริโภค สนามกอล์ฟไม่ขาดน้ำรดหญ้า คนในเมืองขาดน้ำรดสนาม ขาดน้ำซักผ้า ส่วนน้ำดื่มไม่เป็นไร เพราะคนกรุงดื่มน้ำขวดอยู่แล้ว
เมื่อคราวเกิด "มหาอุทกภัย" น้ำท่วมชาวไร่ชาวนาชาวสวนตั้งแต่นครสวรรค์ลงมาถึงอ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท ปทุมธานี นนทบุรี ยกเว้นสุพรรณบุรีกับกรุงเทพมหานครเพราะมีผู้ดูแล ทำคันคูป้องกันน้ำไม่ให้น้ำไหลผ่านลงทะเล เมื่อผู้ว่าราชการกรุงเทพฯถูกต่อว่า ท่านก็บอกว่าหน้าที่ของท่านคือดูแลคนกรุงเทพฯ เพราะคนกรุงเทพฯเป็นผู้เลือกท่านเป็นผู้ว่าฯ ท่านจะให้น้ำผ่านกรุงเทพฯไม่ได้ ชาวไร่ชาวนาที่อยู่นอกกรุงเทพฯควรรับภาระไปเถิด การขัดแย้งและมีวิวาทะระหว่างผู้ว่าราชการกรุงเทพฯที่ดูแลคนกรุงเทพฯกับนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งของคนทั้งประเทศ นายกรัฐมนตรีจึงใช้อำนาจนายกรัฐมนตรีสั่งให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพฯเปิดทางระบายน้ำ ให้น้ำไหลผ่านกรุงเทพฯได้ เป็นไปตามตรรกะของระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย
ฝนแล้งขนาดหนักเที่ยวนี้ ภาพที่สะเทือนใจก็คือภาพความแห้งแล้งของห้วยหนองคลองบึง ท้องนา ถนนหนทาง ดินแยกแตกระแหง ต้นข้าวที่กำลังจะออกรวงเหี่ยวเฉาแคระแกร็น ภาพใบหน้าของชาวไร่ชาวนาที่ห่อเหี่ยวกับความสูญเสีย เป็นที่น่าอเนจอนาถใจ
อีกภาพหนึ่งที่บาดใจคือ ภาพสนามม้าและสนามกอล์ฟทั้งในและรอบๆ กรุงเทพฯที่มีต้นหญ้าเขียวชอุ่ม หญ้าในสนามม้าและสนามกอล์ฟมีสปริงเกลอร์โปรยปรายสายน้ำชุ่มฉ่ำ พร้อมๆ กับได้ยินเสียงพร่ำเรียกร้องให้ชาวไร่ชาวนาอย่าทำการเพาะปลูก อย่าสูบน้ำเข้าไร่นา เพราะคนในเมืองจะขาดน้ำที่ไม่กร่อยอุปโภคบริโภค ขณะเดียวกันก็ประกาศว่าบริษัทเอกชนผู้ผลิตน้ำดื่มยังมีน้ำเพียงพอเหลือเฟือในการผลิตขาย ไม่ต้องกังวลตกใจ รัฐบาลไม่ได้สั่งให้งดสูบน้ำเหมือนชาวนาชาวไร่ถูกสั่งงด
ภาพที่บาดตายิ่งไปกว่านั้นก็คือ ไม่เห็นผู้นำออกสนามไปกำกับดูแลการทำงานช่วยเหลือประชาชนในท้องถิ่นที่ประสบภัยแล้ง การช่วยเหลือก็เป็นไปตามมีตามเกิด ก็ฝนมันแล้งจะให้ทำอย่างไร คราวพายุเกย์เข้าชุมพร เราได้เห็นน้าชาติลงลุยน้ำแบกกระสอบทราย เมื่อเกิดภัยพิบัติแต่ละครั้งก็จะเห็นผู้นำของเราออกไปบัญชาการในสถานที่นั้นๆ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทั้งจากส่วนกลางและท้องถิ่น
ทุกวันนี้เราไม่เห็นผู้รับผิดชอบออกสนามบัญชาการเจ้าหน้าที่ ไม่เห็นข้าราชการสำรวจพื้นที่แห้งแล้ง แต่เห็นที่สนามกอล์ฟ ที่มีสนามหญ้าที่ถูกรดน้ำจนชุ่มฉ่ำ หลุมไหนที่มีอุปสรรคเป็นน้ำก็มีน้ำเต็มทุกสระ สามารถชักน้ำจากคลองมาใช้ได้ ไม่เดือดร้อน ไม่ทุกข์ร้อน ไม่เคยตระหนักว่า
"ทุกข์ของชาวนาคือทุกข์ของแผ่นดิน"
ที่มา : มติชน วันที่ 23 ก.ค. 2558