ภาษีที่ดินในสังคมไทย

Created
วันเสาร์, 23 มิถุนายน 2555
Created by
กลุ่มปฏิบัติงานท้องถิ่นไร้พรมแดน
Categories
ภาษีที่ดิน
 

 

ภาษีที่ดินในสังคมไทย

เพราะเหตุใด สังคมไทยสมควรมีภาษีที่ดินอัตราก้าวหน้า

ที่ดินเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตของมนุษย์ทุกคน ที่ดินจึงมีคุณค่าและมีความสำคัญมากสำหรับอาชีพเกษตรกร น่าเสียดายที่เกษตรกรไทยจำนวนมากยังขาดแคลนที่ดินทำกิน อันเป็นปัจจัยการผลิตที่สำคัญนี้ ถึงแม้ปัจจุบันสัดส่วนของประชากรที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมจะลดลง แต่สำหรับประเทศไทยสัดส่วนของประชากรที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมในปี 2549 ยังมีอยู่ถึงร้อยละ 39 น่าตกใจที่พบว่า เกษตรกรไทยร้อยละ 40 ในจำนวนนี้ เป็นผู้ที่ไม่มีที่ดินทำกิน หรือมีที่ดินทำกินน้อยกว่า 10 ไร่ ซึ่งนั่นไม่เพียงพอต่อการประกอบอาชีพ สร้างรายได้และฐานะทางเศรษฐกิจของครอบครัว

ตารางแสดงจำนวนการถือครองที่ดินของเกษตรกรในสังคมไทย                                         

ภูมิภาค

จำนวนครัวเรือน

ไม่มีที่ดินเลย

น้อยกว่า 2 ไร่

ระหว่าง 2-4ไร่

ระหว่าง 5-9ไร่

ระหว่าง 10-19 ไร่

ระหว่าง 20-39 ไร่

มากกว่า 40 ไร่

รวม

กรุงเทพฯ

3,849

527

545

1,497

1,407

-

1,015

8,840

กลาง

185,367

31,510

31,195

60,982

91,528

92,425

79,586

572,593

เหนือ

335,217

46,758

81,530

138,060

186,246

173,416

105,557

1,066,784

ตะวันออก

เฉียงเหนือ

197,962

37,358

95,543

261,442

563,516

529,485

162,587

1,847,893

ใต้

27,204

17,179

48,565

121,801

171,221

134,748

53,400

574,118

รวม

749,599

133,332

257,378

583,782

1,013,918

930,074

402,145

4,070,228

ร้อยละของทั้งประเทศ

18.42

3.28

6.32

14.34

24.91

22.85

9.88

100.00

ร้อยละของทั้งประเทศ

42.36

24.91

22.85

9.88

100.00

ที่มา: การสำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือน 2549 สำนักงานสถิติแห่งชาติ

ตารางที่ดินนักการเมือง

ตารางที่ดิน 50 รายแรก ใน 8 จังหวัด

จะเห็นว่า การกระจายการถือครองที่ดินในสังคมไทย มีความเหลื่อมล้ำสูง ระหว่างคนที่มีฐานะดี มีทรัพย์สินหรือถือครองที่ดินจำนวนมาก กับคนที่มีฐานะยากจน ผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรรม หรือผู้ที่มีทรัพย์สินหรือมีที่ดินถือครองจำนวนน้อยหรือไม่มีเลย ภาษีที่ดินจึงเป็นอีกหนึ่งมาตรการที่สำคัญ ที่สมควรถูกนำมาใช้เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ กระจายรายได้ และกระจายผลประโยชน์จากทรัพยากรของประเทศอย่างเป็นธรรม   และสร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นในสังคม

ภาษีที่ดินและภาษีทรัพย์สิน

การจัดเก็บภาษีในปัจจุบัน มีการจัดเก็บใน 3 ลักษณะหรือ 3 ฐานด้วยกัน ฐานแรกเป็นฐานรายได้ ที่เรียกกันว่าภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคล ซึ่งเก็บจากรายได้ ใครรายได้มาก จ่ายภาษีมาก ใครรายได้น้อย จ่ายภาษีน้อยหรืออาจไม่เสียเลย ฐานที่สองคือฐานภาษีที่เก็บจากการบริโภค ใครบริโภคมาก ซื้อของมาก จ่ายภาษีมาก เช่น ภาษีสรรพสามิตที่เก็บจากสินค้าเหล้าสุราและบุหรี่ ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ที่เก็บจากสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป ที่เราเสียอยู่ปัจจุบัน 7 % ฐานที่สามเรียกว่าฐานภาษีทรัพย์สิน เก็บจากทรัพย์สิน ใครมีทรัพย์สิน ที่ดิน มรดกจำนวนมาก จ่ายภาษีมาก ใครมีทรัพย์สิน ที่ดิน มรดก จำนวนน้อย เสียภาษีน้อยหรือไม่เสียเลย  ปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีการจัดเก็บภาษีจากฐานทรัพย์สินนี้อย่างแท้จริง ภาษีที่ใกล้เคียงมากที่สุด คือภาษีโรงเรือนและที่ดิน และภาษีบำรุงท้องที่ (ภบท.) เป็นภาษีที่ดิน ที่จัดเก็บในอัตราที่ต่ำและใช้ราคาประเมินย้อนหลังไปถึง 30 ปี

ภาษีโรงเรือนและที่ดิน และภาษีบำรุงท้องที่

ภาษีโรงเรือนและที่ดิน จัดเก็บตามพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475 ใช้ค่าเช่ารายปีจากทรัพย์สิน เป็นฐานจัดเก็บภาษี หากที่ผ่านมาจัดเก็บได้น้อย เพราะมีกรณีการยกเว้นลดหย่อนค่อนข้างมาก อีกทั้งปัญหาสำคัญคือไม่ได้มีการกำหนดมาตรฐานแน่ชัดว่าค่าเช่ารายปีของแต่ละพื้นที่ควรจะเป็นเท่าไร

ส่วนภาษีบำรุงท้องที่จัดเก็บตามพระราชบัญญัติภาษีบำรุงท้องที่ พ.ศ. 2508 จัดเก็บโดยใช้ราคาปานกลางของที่ดินเป็นฐานภาษี ตามหลักการควรจะมีการประเมินราคาที่ดินทุก 4 ปี เพื่อที่จะนำมาเป็นฐานภาษีที่เหมาะสม แต่ภาษีบำรุงท้องที่ปัจจุบัน ใช้ราคาปานกลางของที่ดิน ปี 2521-2524 ซึ่งย้อนหลังไปถึง 30 ปี

ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

ร่างพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ถูกผลักดันจากสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2537 ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตัวนี้ เป็นภาษีที่จะถูกนำมาใช้แทนภาษีโรงเรือนและที่ดินและภาษีบำรุงท้องที่ ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างนี้จะจัดเก็บจากฐานภาษีมูลค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง อัตราภาษีจำแนกตามลักษณะการใช้ประโยชน์ที่ดิน คือ ใช้ทำเกษตรกรรม มีเพดานภาษีเก็บไม่เกินร้อยละ 0.05  หากใช้เป็นที่อยู่อาศัย เก็บไม่เกินร้อยละ 0.1  หากใช้ในเชิงพาณิชย์ เก็บไม่เกินร้อยละ 0.5 หากไม่ใช้ประโยชน์ใดๆ ปล่อยให้ทิ้งร้าง เก็บไม่เกินร้อยละ 0.5 อีก 3 ปีถัดมา หากยังไม่ใช้ประโยชน์อีก ให้เก็บภาษีเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 1 และอีก 3 ปีต่อไป หากยังไม่ใช้ประโยชน์ ให้เก็บภาษีเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 2  เพดานภาษีที่ดินที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์จะหยุดอยู่ที่ร้อยละ 2

เงินภาษีนี้ ไม่ได้จัดเก็บในอัตราที่มาก จนกระทั่งส่งผลกระทบกับคนฐานะยากจน ยกตัวอย่างในทางรูปธรรม หากที่ดินมูลค่า 1,000,000 บาท (1 ล้านบาท) ใช้ทำเกษตรกรรม เก็บภาษีไม่เกินร้อยละ 0.05 หรือ 500 บาทต่อปี หากที่ดินมูลค่า 500,000 บาท ใช้ทำเกษตรกรรม จะเสียภาษีไม่เกิน 250 บาทต่อปี

ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง  จะมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทำหน้าที่จัดเก็บ และสามารถนำรายได้จากภาษีนี้ไปใช้ประโยชน์ตามความจำเป็นของท้องถิ่น โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ท้องถิ่นมีหน้าที่และภาระผูกพันในการพัฒนา และแก้ไขปัญหาในพื้นที่

วัตถุประสงค์หลักของภาษีที่ดินตัวนี้ คือเพื่อเป็นมาตรการสร้างรายได้ให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น  สิ่งที่คาดว่าจะได้ตามมาคือ จะมีการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น เพราะที่ดินที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์จะถูกเก็บภาษีที่สูงกว่า  หากทั้งนี้ต้องมีคณะกรรมการและมาตรการเสริมในการตรวจสอบลักษณะการใช้ประโยชน์ที่ดิน ว่าเป็นจริงตามที่ได้แจ้งประเภทเพื่อให้มีการจัดเก็บภาษีหรือไม่  เพื่อป้องกันการแจ้งเก็บภาษีที่ดินไม่ตรงตามประเภทการใช้ประโยชน์ เช่นที่ดินรกร้างว่างเปล่า เพียงปลูกกล้วยไม่กี่ต้น จะขอแจ้งจัดเก็บภาษีที่ดิน ประเภทที่ดินเพื่อเกษตรกรรมไม่ได้

ภาษีที่ดินและภาษีทรัพย์สินในต่างประเทศ

ในทุกปี คนฝรั่งเศสจะต้องส่งบัญชีแสดงทรัพย์สินของตนเองให้กับรัฐบาล ทรัพย์สินเหล่านี้รวมถึงรถยนต์ ที่ดิน เพชร ทอง รูปภาพราคาแพง หุ้น และเรือยอร์ช โดยรัฐบาลจะจัดเก็บภาษีทรัพย์สิน หรือภาษีความมั่งคั่ง (Wealth tax) เหล่านี้ในอัตรา 0-1.8 % รายได้จากภาษีทรัพย์สินประเภทนี้ คิดเป็นร้อยละ 10 ของรายได้ภาษีทั้งหมดของประเทศฝรั่งเศส ซึ่งนับว่าสูงมาก

รัฐบาลอินโดนีเซียเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมาตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2529 ในอัตราเดียวคือร้อยละ 0.5 ของมูลค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง หากกำหนดให้คิดภาษีในสัดส่วน 20 % ของมูลค่าที่ดิน ทำให้คำนวณแล้ว อัตราที่แท้จริงคือร้อยละ 0.1 ของมูลค่าที่ดิน แต่หากที่ดินมีมูลค่าสูงเกิน 1 พันล้านรูเปีย  (ประมาณ 3 ล้านบาทไทย) ให้คิดภาษีในสัดส่วน 40 % ของมูลค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างแทน

ประเทศญี่ปุ่น จัดเก็บภาษีที่ดินและทรัพย์สิน 2 ประเภท ประเภทแรกคือที่ดิน ที่ตั้งอยู่ในเขตเมืองที่มีแผนจะถูกพัฒนา เก็บภาษีไม่เกินร้อยละ 0.3 ส่วนประเภทที่สอง ภาษีที่ดินทั่วไปเก็บในอัตรามาตรฐานร้อยละ 1.4 โดยมีอัตราสูงสุดไม่เกินร้อยละ 2.1

ประเทศเกาหลีใต้ จัดเก็บภาษีที่ดินเพื่อเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม ในอัตราคงที่ที่ต่ำ และจัดเก็บภาษีที่ดินที่มีราคาแพงหรือหรูหรา ในอัตราคงที่ที่สูงกว่า และจัดเก็บภาษีที่ดินเพื่ออยู่อาศัยและที่ดินเพื่อการพาณิชย์ที่มีมูลค่ารวมมากกว่าหรือเท่ากับ 500 ล้านวอนในอัตราก้าวหน้าตามขนาดการถือครองที่ดิน