ส.ป.ก.เล็งใช้สูตร “ค่าปรับคดีทำโลกร้อน” ฟ้องเรียกค่าเสียหายโบนันซ่า

Created
วันพฤหัสบดี, 16 เมษายน 2558
Created by
ASTV ผู้จัดการ
Categories
ข่าว
 

ส.ป.ก. เล็งใช้สูตร “ค่าปรับคดีทำโลกร้อน” มาคำนวณค่าความเสียหาย กับกรณีการบุกรุกที่ดินของรีสอร์ต โบนันซ่า เขาใหญ่ ด้าน “ปีติพงศ์” สั่งเร่งสำรวจความเสียหาย คาดมีประมาณ 79 ไร่ 
       
       วันนี้ (9 เม.ย.) นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ได้ให้สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ไปตรวจสอบการบุกรุกที่ดินของรีสอร์ต โบนันซ่า เขาใหญ่ เพื่อประเมินความเสียหาย และดำเนินการตามกฎหมายทั้งการฟ้องแพ่งและอาญา ซึ่งที่ผ่านมามีการอ้างสิทธิ์ในเอกสารสิทธิ น.ส.3 ขึ้นมาทำให้ ส.ป.ก. จึงยังไม่ได้เข้าไปสำรวจรังวัด ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าประมาณ 79 ไร่ กรณีนี้ต้องเข้าใจว่าก่อนหน้านั้น เมื่อ ส.ป.ก. ได้ดำเนินการตามขั้นตอน คือ การเรียกผู้ถือครองมาพบ หรือรายงานตัวพร้อมหลักฐานอื่นเพิ่ม ดังนั้น ในส่วนนี้ก็จะต้องไปดูว่าจะมีการแก้ไขให้กฎหมายมีความรัดกุมอย่างไรต่อไป
       
       นายสรรเสริญ อัจจุตมานัส เลขาธิการ ส.ป.ก. กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายและรังวัดลงพื้นที่แล้ว คาดว่าจประเมินตัวเลขได้เร็วๆ นี้ ซึ่งเบื้องต้นทราบว่าที่ดินไม่ได้มีการนำดินออกไป จึงคาดว่าอาจจะไม่มีการคิดความเสียหายของหน้าดิน แต่อาจจะคิดเทียบเคียงในสัดส่วนของอัตราเช่าที่ดิน หรือการเสียโอกาสการทำประโยชน์ในที่ดินของเกษตรกร โดยอาจคำนวณเป็นรายได้ต่อไร่เพื่อนำมาประกอบการฟ้องร้อง
       
       ส่วนกรณีที่จะใช้เรื่องค่าปรับคดีทำโลกร้อน มาตั้งค่าเสียหายนั้น เลขาธิการ ส.ป.ก. ระบุว่า “จะหารือกับกรมป่าไม้และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป”
       
       มีรายงานว่า อาจจะมีการนำแนวคิดใช้ “ค่าปรับคดีทำโลกร้อน” มาคำนวณค่าความเสียหาย กับกรณีการบุกรุกที่ดินของรีสอร์ต โบนันซ่า เขาใหญ่
       
       ข้อมูลปี 2553 กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพรรณพืช ได้นำค่าโลกร้อน มาคำนวณเอาผิดชาวบ้านกว่า 500 ราย โดยจำนวนนี้ถูกดำเนินคดี 131 คดี เป็นข้อหาทำให้โลกร้อน 30 ราย ซึ่งนอกจากถูกฟ้องคดีอาญาข้อหาบุกรุกพื้นที่ป่าของรัฐ ยังถูกฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งตามมาอีกรวมกว่า 17,559,434 บาท
       
       โดยตอนนั้น กรมอุทยานฯ ได้แจงหลักเกณฑ์การฟ้องเรียกเอาค่าเสียหายจากชาวบ้าน โดยคำนวณออกมาเป็นจำนวนเงิน อาทิ การคิดคำนวณค่าเสียหายมีหลักเกณฑ์ วิธีการดังนี้
       
       1) การสูญหายของธาตุอาหาร 4,064.15 บาทต่อไร่ต่อปี 2) ทำให้ดินไม่ดูดซับน้ำฝน 600 บาทต่อไร่ต่อปี 3) ทำให้น้ำสูญเสียออกไปจากพื้นที่โดยการแผดเผาของรังสีดวงอาทิตย์ 50,800 บาทต่อไร่ต่อปี 4) ทำให้ดินสูญหาย 1,800 บาทต่อไร่ต่อปี 5) ทำให้อากาศร้อนมากขึ้น 45,453.45 บาทต่อไร่ต่อปี 6) ทำให้ฝนตกน้อยลง 5,400 บาทต่อไร่ ต่อปี 7) มูลค่าความเสียหายทางตรงจากป่าทั้ง 3 ชนิด ได้แก่ การทำลายป่าดงดิบ 61,263.36 บาท การทำลายป่าเบญจพรรณ 42,577.75 บาท การทำลายป่าเต็งรัง 18,634.19 บาท รวมมูลค่าความเสียหายจากป่าทั้ง 3 ชนิด 40,825.10 บาทต่อไร่ต่อปี
       
       ประเด็นนี้ทำให้นักกฎหมายหลายคน ออกมาระบุว่า การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2535 มาตรา 97 โดยเป็นกฎหมายของกรมป่าไม้ที่ระบุว่าผู้ใดทำให้ทรัพยากรเสียหายโดยผิดกฎหมายจะต้องคิดค่าทรัพยากรนั้น จากเรื่องนี้ทำให้เกิดข้อกังขาขึ้นว่าเอาเข้าจริงแล้ว วิธีการที่กรมอุทยานฯ ฟ้องชาวบ้านนั้นเป็นเรื่องเห็นสมควรหรือไม่

 

ที่่มา : ASTV ผู้จัดการ วันที่ 9 เม.ย. 2558