ร้อง คสช.ประกาศให้ชัด ‘เอา-ไม่เอา’ สิทธิชุมชน หลังพื้นที่โฉนดชุมชนร้อนโดนไล่รื้อ

Created
วันเสาร์, 16 สิงหาคม 2557
Created by
ประชาไท
Categories
ข่าว
 

L2

โดนอีก! ทวงคืนผืนป่า โฉนดชุมชนตรังถูกยึดพื้นที่โดยอุทยานฯ กสม.เตรียมลงดูข้อมูล หลังได้รับร้องเรียน เจ้าหน้าที่รัฐติดป้ายไล่ชาวบ้านออกจากที่ดินทำกิน หวั่นคำสั่ง คสช.ที่ 64 และ 66 ทำพิษ เครือข่ายปฏิรูปที่ดินเทือกเขาบรรทัดร้อง คสช.เดินตามนโยบายดีๆ ของรัฐบาลเดิม

13 ส.ค. 2557 ผู้สื่อข่าวความคืบหน้ากรณีชาวบ้านชุมชนบ้านทับเขือ-ปลักหมู อ.นาโยง จ.ตรัง ถูกคำสั่งทางปกครองลงวันที่ 18 มิ.ย. 2557 ให้รื้อถอนบ้าน และสวนยางพารา เนื้อที่ประมาณ 4 ไร่ ออกจากพื้นที่ทับซ้อนเขตอุทยานเขาปู่เขาย่าว่า ขณะนี้ในพื้นที่มีการปักป้ายตรวจยึดพื้นที่แล้ว แต่ยังไม่ได้มีการรื้อถอน เนื่องจากมีการเจรจาในระดับจังหวัด

 

ทั้งนี้ คำสั่งทางปกครองลงนามโดยนายอิศราพันธ์ บุญมาศ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาปู่-เขาย่า ให้รื้อถอนต้นยางพาราของ 2 ครอบครัว คือครอบครัวของนายสมคิด กันตังกุล และนางสุทิศา นิคะ กับครอบครัวของนายสนอง และนางบุญเรียง มะยุรี โดยครอบครัวของนายสมคิด กันตังกุล และนางสุทิศา นิคะนั้นโดนคำสั่งทางปกครองให้รื้อถอนบ้าน และถูกดำเนินคดีอาญาข้อหายึดถือครอบครองที่ดินรวมถึงก่อสร้าง แผ่วถาง เผาป่าฯ ด้วย ซึ่งขณะนี้เรื่องอยู่ในชั้นอัยการ

 

อย่างไรก็ตามชาวบ้านยังคงยืนยันว่า ได้มีการบุกเบิกใน พ.ศ.2510 ต่อมาจึงมีการประกาศเขตอุทยานแห่งชาติเขาปู่-­เขาย่า ใน พ.ศ.2525 โดยยังมีร่องรอยการทำกินมายาวนาน อาทิ ตอยางพาราขนาด 1-2 คนโอบ หลายร้อยต้น
 
L3
 
ส่วนวันพรุ่งนี้ (14 ส.ค. 2557) คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีการลงพื้นที่เพื่อรับฟังข้อเท็จจริง หลังจากเมื่อวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา คณะอนุกรรมการด้านที่ดินและป่า กสม.ได้ประชุมร่วมกับผู้เกี่ยวข้อง จากกรณีที่ เครือข่ายปฏิรูปที่ดินเทือกเขาบรรทัด จ.ตรัง ร่วมกับเครือข่ายสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ และชาวบ้าน อ.เกษตรสมบูรณ์ จ.ชัยภูมิ ได้ยื่นคำร้องต่อ กสม. เพื่อขอให้ตรวจสอบหน่วยงานราชการที่ปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 64 และ 66 ที่ระบุว่าให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการปรามปราบและจับกุมผู้ที่บุกรุกและทำลายสภาพป่าหรือทรัพยากรธรรมชาติที่อาจเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน
 
นายบุญ แซ่จุง ผู้ประสานงานเครือข่ายปฏิรูปที่ดินเทือกเขาบรรทัด กล่าวว่า พื้นที่ชุมชนบ้านทับเขือ-ปลักหมู เป็นพื้นที่นำร่องโฉนดชุมชนที่ได้รับการพิจารณาจากคณะกรรมการประสานงานเพื่อจัดให้มีโฉนดชุมชน (ปจช.) ดำเนินงานโฉนดชุมชนภายใต้ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีโดยมีมติ ครม.รองรับ ตั้งแต่สมัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มาจนถึงนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อีกทั้งการรังวัดขอบเขตพื้นที่โฉนดชุมชนก็มีตัวแทนสำนักนายกรัฐมนตรี ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดตรัง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาปู่-เขาย่า เข้าร่วม แต่สถานการณ์ปัจจุบันมาตรการที่คำนึกถึงสิทธิชุมชนดังกล่าวไม่ถูกนำมาปฏิบัติ แต่เจ้าหน้าที่รัฐกลับอาศัยการตีความคำสั่งฉบับที่ 64 และ 66 ของ คสช.มาเร่งดำเนินคดี ติดตามจับกุม และขับไล่ชาวบ้านให้ออกจากพื้นที่
 
ผู้ประสานงานเครือข่ายปฏิรูปที่ดินเทือกเขาบรรทัด กล่าวด้วยว่า หากมองในแง่ดี คสช.อาจมีเจตนาดีในการปกป้องทรัพยากรธรรมชาติ แต่อาจไม่มีประสบการณ์เรื่องการจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืน และไม่รู้มิติความสัมพันธ์ของชาวบ้านกับทรัพยากร เพราะดูแลแต่เรื่องความมั่นคง ทำให้ห่วงกังวลว่าข้าราชการประจำอาจอาศัยจังหวะนี้ที่ คสช.มีอำนาจ มาสร้างความเดือดร้อน วุ่นวายให้กับประชาชน
 
หาก คสช.ยังไม่แก้ไขปัญหา ปล่อยให้ประชาชนต้องรับมือกับผลกระทบที่เกิดขึ้น และไม่เปิดโอกาสการมีส่วนร่วม ก็เหมือนกับเป็นการเอามันราดรดบนกองไฟ คนที่เคยเป็นแนวร่วมกับ คสช. ก็อาจลุกขึ้นมาต่อต้านได้ สุดท้ายความชอบธรรมในการยึดอำนาจก็จะไม่มีเหลืออยู่เลย
 
สำหรับข้อเสนอต่อปัญหาเร่งด่วน นายบุญ กล่าวว่า อยากให้คดีความต่างๆ ในพื้นที่โฉนดชุมชนที่อยู่ระหว่างกระบวนการแกไขปัญหานั้นชะลอไว้ก่อน และให้ชะลอการบังคับใช้ มาตรา 22 พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 ที่ให้รื้อถอน ทำลายทรัพย์สินของชาวบ้านในพื้นที่พิพาท ส่วนนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนทั้งโฉนดชุมชน ธนาคารที่ดิน อยากให้มีการผลักดันให้เดินหน้าต่อ และให้ทบทวนนโยบายที่ส่งผลกระทบ ไม่เช่นนั้นคงไม่อาจคือความสุขให้ประชาชนได้อย่างแน่นอน
 
“ฝากให้ พล.อ.ประยุทธ์ คสช.ประกาศให้ชัดว่าให้สิทธิชุมชน โฉนดชุมชน เดินหน้าต่ออย่างเร่งด่วน” ผู้ประสานงานเครือข่ายปฏิรูปที่ดินเทือกเขาบรรทัด กล่าว โดยระบุว่าขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนในนโยบายดังกล่าว แม้จะเคยได้ยินกระแสข่าวว่าจะมีการเดินหน้าและทำให้ดีกว่าเดิม แต่ไม่เห็นเป็นลายลักษณ์อักษรรับรอง

  

ที่มา : ประชาไท วันที่ 14 ส.ค. 2557