'บิ๊ก ตร.' นำชาวบ้านร้องยธ. เจอนายทุนดอกโหดที่ประจวบฯ ยึดบ้าน-ที่ดิน!

Created
วันพุธ, 23 สิงหาคม 2560
Created by
ไทยรัฐออนไลน์
Categories
ข่าว
 

CiHZjUdJ5HPNXJ92GO31Adk1g184lOmcBt

 

เดือดร้อน! ที่ปรึกษา สบ 10 นำชาวประจวบคีรีขันธ์ กว่า 80 ราย ร้องกระทรวงยุติธรรม ช่วยแก้ปัญหาเงินกู้นอกระบบ หลังถูกนายทุนสุดเอาเปรียบคิดดอกเบี้ยร้อยละ 36-48 ต่อปี มูลหนี้รวมทั้งสิ้นกว่า 15 ล้านบาท เผยมีลูกหนี้ 18 รายที่ถูกยึดบ้าน-ที่ดินแล้ว ด้านปลัดยธ.ชี้อาจมีความผิด พ.ร.บ.ฟอกเงินและเลี่ยงภาษีเพิ่ม

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 23 ส.ค.60 ที่ศูนย์บริการร่วม กระทรวงยุติธรรม พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา ที่ปรึกษา (สบ 10) นำชาวบ้าน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่ถูกเอาเปรียบจากนายทุนเงินกู้นอกระบบ กว่า 80 ราย เข้าพบกับ นายวิศิษฎ์ วิศิษฎ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม และ พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิรองปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม เพื่อนำผู้เสียหายเข้าสู่กระบวนการแก้ไขปัญหาลูกหนี้นอกระบบ

 

 

พล.ต.อ.วิระชัย กล่าวว่า สืบเนื่องจากลูกหนี้รายหนึ่งได้ร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ว่าถูกกลุ่มนายทุนหนี้นอกระบบเอาเปรียบชาวบ้าน จึงดำเนินการสืบสวน ก่อนออกหมายค้นและหมายจับ เข้าตรวจค้นบริษัท สหยานยนต์ปราณบุรี จำกัด เลขที่ 99 หมู่ 7 ต.เขาน้อย อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 1 ส.ค. พบกลุ่มบุคคลดังกล่าว พร้อมอาวุธปืน 41 กระบอก รถยนต์ 62 คัน รถจักรยานยนต์ 95 คัน และเอกสารที่ดิน 80 รายการ ซึ่งพบว่ามีการคิดดอกเบี้ยร้อยละ 36-48 ต่อปีมูลหนี้รวมทั้งสิ้นกว่า 15 ล้านบาท และมูลค่าชำระดอกเบี้ยประมาณ 31 ล้านบาท โดยมีลูกหนี้ 18 รายที่ถูกนายทุนยึดบ้านที่ดินแล้ว

 
"ชาวบ้านส่วนใหญ่มีบ้านและที่ดินของตัวเอง แต่เมื่อเงินขาดมือจึงต้องกู้เงินมาใช้จ่าย ซึ่งบางรายเป็นการค้ำประกันด้วยวิธีจดทะเบียนขายฝาก 1 ปีแต่เมื่อครบสัญญาบ้านและที่ดินตกเป็นของเจ้าหนี้ กรณีไม่สามารถไถ่ถอนคืนได้ภายในกำหนด หรือบางรายค้ำประกันด้วยที่ดินแล้วเซ็นโอนลอยไว้ เจ้าหนี้แต่ถูกโอนกรรมสิทธิ์ไปเป็นของเจ้าหนี้ทันที หากขาดส่งต้นและดอกเบี้ย ดังนั้น วันนี้จึงประสานกระทรวงยุติธรรมเพื่อขอความเป็นธรรมและช่องทางช่วยเหลือในการแก้ปัญหา เยียวยาความเสียหายตามข้อกฎหมายต่อไป" พล.ต.อ.วิระชัย กล่าว


ด้าน นายวิศิษฎ์ เปิดเผยว่า ปัญหาหนี้นอกระบบเป็นนโยบายสำคัญ โดยแต่ละรายมีปัญหาไม่เหมือนกัน เช่น กรณีที่ดินที่มีโฉนด และที่มีใบเอกสาร ภ.บ.ท.5 ฯลฯ ซึ่งทางกระทรวงยุติธรรม จะดำเนินการร่วมกับ กระทรวงคลัง และมอบหมายให้ศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้ฯกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มารับข้อมูลพร้อมลงพื้นที่ตรวจสอบปัญหาเพื่อดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา รวมทั้งกลุ่มแหล่งเงินทุนอาจมีความผิดอื่นๆ เพิ่มเติมเกี่ยวกับการฟอกเงินและเลี่ยงภาษี

นายวิศิษฎ์ เผยอีกว่า ส่วนชาวบ้านที่เสียหายจะดูแลเป็นรายๆ เช่น การถูกยึดที่ดินผิดด้วยการเซ็นโอนลอยเอาไว้ล่วงหน้าก็จะช่วยแก้ไขตามกฎหมายมอบหมายให้กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เข้ามาช่วยดูแลและจัดหาทนายความให้ แต่สำหรับคดีที่เสร็จสิ้นแล้วจะมีการไกล่เกลี่ยโดยให้กรมบังคับคดีมาดำเนินการต่อไปโดย กระทรวงยุติธรรม จะประสานร่วมกับทุกหน่วยงาน อย่างไรก็ตาม การแก้ไขกฎหมายขายฝากอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานกิจการยุติธรรม

ขณะที่ น.ส.นันทา หุ่นเก่า อายุ 52 ปี หนึ่งในผู้เสียหาย อยู่บ้านเลขที่ 233/1 หมู่ 8 ต.กุยบุรี อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นบ้านชั้นเดียว เนื้อทีประมาณ 1 งาน กล่าวว่า เมื่อปี 54 ตนไปกู้เงินนอกระบบมา 5 แสนบาท แต่ได้เงินเพียง 4 แสนกว่าบาทเพราะต้องหักดอกเบี้ย โดยปีแรกได้จ่ายดอกเบี้ย 1.8 แสนบาท ต่อมา นายทุนได้มาติดป้ายยึดบ้านและประกาศขายคืน 9 แสนบาท จึงต้องจ่ายเงินให้อีก 3 แสนบาท รวมจ่ายทั้งสิ้น 4.8 แสนบาท กระทั่งอยู่มาอีก 1 ปี ถูกนายทุนยึดบ้านอีกครั้ง และปล่อยให้ตนเช่าบ้านของตัวเองเดือนละ 5 พันบาท จนสุดท้ายนายทุนบอกว่าหากอยากได้บ้านคืนต้องซื้อในราคา 1.5 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ตนไม่มีเงินเช่าบ้านแล้วจึงต้องมาอยู่เพิงไม้ติดกับบ้านของตัวเอง.

 

ที่มา ไทยรัฐออนไลน์ 23 สิงหาคม 2560