"หนี้ครัวเรือน" ทำชาวบ้านจุกอก "ประยุทธ์" สั่งรัฐให้กู้เพิ่ม-ช่วยเกษตรกรโดนฮุบที่

Created
วันจันทร์, 13 กรกฎาคม 2558
Created by
ไทยรัฐ
Categories
ข่าว
 

“ประยุทธ์” ห่วงปัญหาหนี้ครัวเรือนสูงลิ่ว ทำให้โครงสร้างเศรษฐกิจไม่เข้มแข็ง สั่งหาแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรโดนฮุบที่ดิน เล็งซื้อหนี้มาบริหาร หรือปล่อยสินเชื่อให้โดยตรงไม่คิดดอกเบี้ย ชักไม่พอใจเบิกจ่ายงบกระตุ้นเศรษฐกิจไม่คืบ ฉุน! จะเริ่มกระตุ้นเมื่อไร ด้าน “อุ๋ย” ยืดอกรับชี้แจงเหตุล่าช้า

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่ามีความเป็นห่วงปัญหาหนี้ครัวเรือนที่หมักหมมมานาน จึงได้สั่งการให้กระทรวงการคลังไปพิจารณาว่าจะทำอย่างไรให้มีเงินมาปล่อยกู้แบบไม่มีดอกเบี้ย โดยในเบื้องต้นหนี้ครัวเรือนจะมีจำนวนเป็นล้านล้านบาท นี่คือปัญหาจากการที่ไม่ทำโครงสร้างให้เข้มแข็ง ไม่สร้างห่วงโซ่ของคุณค่าที่ต่อเนื่องกัน ที่ผ่านมาอนุมัติเงินเป็นโครงการให้จบๆไปจึงเป็นแบบนี้

ด้าน พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีได้ดูรายการทีวีที่นำเสนอปัญหาเกษตรกรเอาที่ดินไปฝากจำนองกับนายทุน ถูกเก็บดอกเบี้ยสูง ในที่สุดที่ดินตกเป็นของนายทุน และมีปัญหาแหล่งเงินที่เกษตรกรจะนำไปซื้อคืนที่ดินมา ขาดที่ดินเป็นปัจจัยการผลิต โดยทางกระทรวงมหาดไทยตรวจสอบพบว่า ในส่วนของเกษตรกรเป็นหนี้นอกระบบ 149,000 ราย จำนวนหนี้รวม 21,000 ล้านบาท และเป็นหนี้ในระบบสถาบันการเงิน 140,000 ราย รวมหนี้ 360,000 ล้านบาท

ขณะที่ในปัจจุบันมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการช่วยเหลือเกษตรกรหลายหน่วยงาน เช่น กระทรวงยุติธรรม มีศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้ที่ไม่ได้ รับความเป็นธรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีกองทุนช่วยเหลือเกษตรกรหลายกองทุน กระทรวงการคลัง มีคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินภาคประชาชน โดยขณะนี้ในส่วนของเกษตรกร

ที่เป็นหนี้นอกระบบมีเรื่องอยู่ระหว่างฟ้องร้อง 90,000 ราย มูลหนี้ 13,000 ล้านบาท นายกฯ จึงได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดประสานหารือช่วยเหลือเกษตรกรโดยด่วน เช่น กระทรวงยุติธรรมเข้าไปดูแลเกษตรกรในส่วนที่กำลังถูกฟ้องร้องเพื่อไม่ให้ที่ดินตกเป็นของนายทุนที่เป็นเจ้าหนี้ รวมทั้งมีแนวคิดในการหาแนวทางซื้อหนี้มาให้เกษตรกรผ่อนต่อกับทางภาครัฐได้หรือไม่ ต้องไปดูมาตรการต่างๆที่จะนำมาใช้ช่วยเหลือ พิจารณาถึงข้อติดขัด ข้อดีข้อเสียต่างๆ โดยให้ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ประสานงานภาพรวม แล้วรายงานให้นายกฯรับทราบโดยด่วน

ด้านนายสมศักดิ์ โชติรัตนะศิริ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า นายกรัฐมนตรี ยังได้สั่งการในที่ประชุม ครม.ให้เร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ 2558 โดย กำหนดให้รัฐมนตรีเร่งรัดให้หน่วยงานในสังกัดลงนามในสัญญาจัดซื้อจัดจ้างในงบลงทุนภายในวันที่ 31 ก.ค.นี้ รวมทั้งงบกลางด้วย

“คราวนี้นายกรัฐมนตรีเอาจริง หากทำสัญญาไม่ได้ตามกำหนดให้ระงับโครงการและยึดคืนงบประมาณมาเลย เพื่อนำงบประมาณไปช่วยเหลือเกษตรกร ภัยแล้ง และแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน แต่หากโครงการใดมีความจำเป็นอย่างแท้จริง ให้ทำเรื่องเสนอของบประมาณมาใหม่”

สำหรับการเบิกจ่ายงบลงทุนล่าสุด ณ วันที่ 30 มิ.ย.2558 เบิกจ่ายแล้ว 48% และทำสัญญาไปแล้วรอเบิกจ่ายอีก 15% รวมเป็นงบลงทุนที่ดำเนินการไปแล้ว 63% มีโครงการที่รอลงนามในสัญญาประมาณ 50,000 ล้านบาท ส่วนการเบิกจ่ายงบประมาณ ในภาพรวมต่ำกว่าเป้าหมายประมาณ 1.2% โดยยังมีงบประมาณที่รอเบิกจ่าย 45% ซึ่งเหลือเวลาอีก 3 เดือนที่ต้องเบิกจ่ายให้แล้วเสร็จ จึงต้องเร่งหามาตรการมาเร่งการเบิกจ่าย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกรัฐมนตรียังได้แสดงความเห็นในที่ประชุม ครม.ถึงตัวเลขการเบิกจ่ายงบประมาณในส่วนของงบกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีการเบิกจ่ายได้แค่ 50% โดยกล่าวว่า “นี่มันงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 3 เดือนแรก หรือ 3 เดือนท้ายกันแน่” โดยในช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลได้อนุมัติงบตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 3 เดือนแรกวงเงิน 23,000 ล้านบาท แบ่งเป็นงบกลาง วงเงิน 7,800 ล้านบาท และเงินกู้ไทยเข้มแข็ง วงเงิน 15,200 ล้านบาท

ทั้งนี้ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีที่ดูแลด้านเศรษฐกิจชี้แจงเบื้องต้นคร่าวๆว่า งบกระตุ้นเศรษฐกิจอยู่ในขั้นตอนของการลงนามในสัญญา และจะขอชี้แจงกับสาธารณชนเรื่องนี้เอง ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงตัวเลขทางเศรษฐกิจต่างๆที่หน่วยงานต่างๆออกมาแถลงว่าตัวเลขติดลบ หรือมีการเปลี่ยนแปลงจากการปรับฐาน เช่น ตัวเลขหนี้ครัวเรือน เงินเฟ้อ จึงมอบหมายให้ ม.ร.ว.ปรีดิยาธรไปจัดระบบการอธิบายตัวเลข เพื่อให้สาธารณชนเข้าใจตามความเป็นจริง ชี้แจงให้สังคมทราบว่าเกิดอะไรขึ้น รัฐบาลดำเนินงานอะไรไปแล้วบ้าง

ที่มา : ไทยรัฐ วันที่ 8 ก.ค. 2558