
ความภูมิใจของชาวนาบางขุด ชัยนาท กับเสบียงอาหารปลอดภัย สู่พี่น้องผู้ประสบภัยภาคใต้ในยามวิกฤตน้ำท่วม
ในยามที่วิกฤตภัยพิบัติแผ่ปกคลุมภาคใต้ มีกลุ่มชาวนาเล็ก ๆ ในจังหวัดชัยนาทที่สู้กับปัญหาหนี้สินมายาวนาน แต่กลับสามารถส่งต่อความช่วยเหลือในรูปแบบของ “อาหารปลอดภัย” ไปยังผู้เดือดร้อนได้อย่างน่าภาคภูมิใจ คุณศรีไพร แก้วเอี่ยม ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบางขุดร้อยใจ และรองประธานกลุ่มส่งเสริมการเกษตรครบวงจร ต.บางขุด อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท เล่าถึงเส้นทางความพยายามในการเดินทางจากวิกฤตสู่การเป็นผู้แบ่งปันในวันนี้
จุดเริ่มต้นจากหนี้สินและวิถีเคมี
คุณศรีไพรเล่าย้อนถึงสภาพของชุมชนบางขุดในอดีตที่ต้องเผชิญกับปัญหาหนักหน่วง: “ชุมชนเราตอนนั้นน่ะ เป็นหนี้ทั้งในและนอกระบบเยอะมาก ทำนาข้าวก็โดนเพลี้ยกระโดดซ้ำเติมอีก”
เพื่อแก้ปัญหานี้ กลุ่มส่งเสริมการเกษตรครบวงจรจึงก่อตั้งขึ้นเพื่อแก้ไขหนี้ร่วมกับกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร และได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิชีวิตไทให้ปรับเปลี่ยนจากการทำนาเคมี มาเริ่มต้นปลูกข้าวปลอดภัย (ปลอดสาร) ได้แก่ ข้าวหอมเกยไชย ข้าวหอมปทุม และข้าวหอมมะลิ
“ทุกคนน่าจะจำกันได้ ปี 2561 กล้วยมันล้นตลาดมาก หวีละ 50 สตางค์เอง หนำซ้ำพอเรามาทำนาได้นาปลอดภัยเมื่อปีที่แล้ว ราคาข้าวก็ตกต่ำมาก เกวียนละไม่ถึง 5,000”
วิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า วิสาหกิจชุมชนบางขุดร้อยใจจึงถูกก่อตั้งขึ้นเพื่อรับผิดชอบการรวบรวมผลผลิต การสีข้าว และการแปรรูปเพื่อหารายได้มาแก้ไขหนี้นอกระบบโดยเฉพาะ
แปรรูปสู้หนี้ ด้วย “ทองม้วน กข.43” น้ำตาลต่ำ
เมื่อต้องแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม กลุ่มไม่ได้มองข้ามผลผลิตท้องถิ่น นอกจากข้าวสาร ยังมีกล้วย ที่เริ่มจากกล้วยเบรกแตก ตามมาด้วยกล้วยสติ๊ก และยังมี “ทองม้วน” ที่กำลังจะเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ต้นแบบที่จัดแสดงในงานนิทรรศการ Thailand Rice Fest 2025 : Eat Local Food ในวันที่ 4 - 7 ธันวาคม พ.ศ. 2568 ณ เมืองทองธานี
คุณศรีไพรอธิบายถึงจุดเด่นของทองม้วนสูตรบางขุดร้อยใจ: “ทองม้วนของเราทำจากแป้งข้าว กข 43 ที่มันมีคุณสมบัติคือ มีน้ำตาลต่ำ และผสมแป้งกล้วยลงไป เราเอากล้วยดิบที่สุก 70% มาฝาน อบ แล้วก็ปั่นเป็นผง ทั้งหมดเกิดจากทางเกษตรอำเภอและกรมการข้าว มาสอนเราทำและสนับสนุนบรรจุภัณฑ์ที่เป็นกระป๋องด้วย”
ทางกลุ่มจะจัดสรรให้สมาชิกหมุนเวียนกันมาทำงานวันละ 2-3 คน และมีการจ้างสมาชิกสูงวัยมาช่วยงานด้วย โดยสมาชิกจะได้รับค่าแรงรายวัน การแปรรูปและการแพ็คสินค้าทั้งหมดจะทำร่วมกันที่ ศูนย์การเรียนรู้ชุมชน ป๋วย อึ๊งภากรณ์ บางขุด ซึ่งก่อตั้งโดยมูลนิธิป๋วยอึ๊งภากรณ์และได้รับการปรับปรุงให้เป็นทั้งศูนย์เรียนรู้ สถานที่ประชุม และสถานที่ผลิต โดยความช่วยเหลือจากบริษัทแปลน
ความมั่นคงทางอาหารและความภูมิใจของชาวนา
คุณศรีไพรชี้ให้เห็นว่าความเชื่อมั่นของสมาชิกเกิดจากการที่ กลุ่มจัดหาปัจจัยการผลิตสำหรับการทำนาปลอดภัยให้ และรับซื้อผลผลิตในราคาที่สูงกว่าตลาด โดยใช้เงินรวมหุ้นของสมาชิกและกองทุนหมุนเวียนจากมูลนิธิชีวิตไท ผลกำไรแต่ละปีก็มีการปันผลให้กับสมาชิกที่ลงหุ้น
คุณศรีไพรเล่าว่า แม้สมาชิกเกือบทั้งหมดเป็นนาเช่า และมีภาระต้นทุนสูง แต่กลุ่มพยายามสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรแบ่งพื้นที่มาทำนาปลอดภัยเพียงแปลงเดียว เพื่อเก็บไว้บริโภค
“ตอนนี้เราก็ได้สมาชิกใหม่เพิ่ม จากเดิมทำกันอยู่แค่ 2-3 คน แต่พี่ใช้วิธีว่า ขอสักแปลงได้มั้ย ที่มาทำปลอดภัยเอาไว้กิน ผลคือตอนนี้สมาชิกในกลุ่ม มีข้าวเก็บไว้กินเองกันแทบทุกบ้านแล้วนะ อันนี้คือความภูมิใจ แม้หนี้สินยังไม่หมด แต่ขอให้เรามีข้าวกิน”
นอกจากนี้ กลุ่มยังรณรงค์ให้สมาชิกเริ่ม หยุดเผาฟางข้าว โดยหันมาใช้น้ำหมักฉีดใส่ตอซัง ซึ่งแม้จะเป็นวิธีที่ยากกว่าและใช้เวลา แต่กลับช่วยลดต้นทุนค่าปุ๋ยและทำให้ดินดีขึ้น และยังเป็นการช่วยลดปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นสาเหตุของภัยแล้งและน้ำท่วม
พลังแห่งการเกื้อกูล: การช่วยเหลือที่ได้ถึงสองต่อ
ผลผลิตที่ช่วยแก้หนี้ให้กลุ่มเกษตรกร ยังสร้างพลังทบทวีจากการส่งไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในภาคใต้ภายใต้โครงการ “Save the South” สู้ภัยน้ำท่วมภาคใต้ โดย แปลนอาสา:
“เริ่มแรกปลายปีที่แล้ว โดยบริษัทแปลน สั่งข้าวจากเรา ไปช่วยช่วงน้ำท่วมยะลา 3 ตัน เดือนตุลาคมก็รวมกับทางสุพรรณส่งข้าวไป จ.น่าน 3 ตัน ทองม้วน 300 กระป๋อง และล่าสุดน้ำท่วมภาคใต้ ทางกลุ่มได้ส่งข้าวสาร 2 ตัน และขนมทองม้วน จำนวน 150 กระปุก ไปยังปัตตานี และต้นเดือนธันวาคมนี้มีกำหนดส่งอีก 2 ตัน”
คุณศรีไพรย้ำถึงความตั้งใจในการส่งมอบอาหารที่ดี: “เรากินยังไงเราก็ให้เขาแบบนั้น เราไม่หลอกเขา...ให้เขาได้กินข้าวที่ดีแบบที่เราได้กิน การซื้อข้าวจากเรา เท่ากับได้ช่วย 2 ทาง เป็นช่องทางหนึ่งในการช่วยผู้ประสบภัย แล้วก็ช่วยเกษตรกรชาวนาแก้หนี้สินไปด้วย”
ความสำเร็จของชาวนาบางขุดจึงไม่ใช่แค่การแปรรูปเพื่ออยู่รอด แต่คือการส่งมอบความเชื่อมั่นและความภาคภูมิใจของชาวนาไทย ที่วันนี้มีศักยภาพพอที่จะผลิตอาหารดี ๆ ส่งต่อเป็นกำลังใจให้พี่น้องร่วมชาติ และเป็นทางเลือกที่ทรงคุณค่าสำหรับผู้ที่ต้องการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในสถานการณ์ปัจจุบัน
ที่มา : ไทยโพสต์ วันที่ 30 พ.ย. 2568
ผู้เขียน : น้ำผึ้ง หัสถีธรรม มูลนิธิชีวิตไท