นักปลูกผักรุ่นจิ๋ว

Created
วันจันทร์, 14 ตุลาคม 2562
Created by
ณัฎฐวี สายสวัสดิ์
Categories
บทความ
 

kidplanting01

คิดถึงหลักสูตรการศึกษาไทยเมื่อประมาณ 30 กว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งจะมีวิชาว่าด้วยการสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิต(สปช.) การงานพื้นฐานอาชีพ(กพอ.) และวิชาการสร้างเสริมลักษณะนิสัย(สลน.) เป็น 3 วิชาที่นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษา ป.1 – ป.6 จะได้เรียนกันทุกชั้นในโรงเรียนชนบท หลักสูตรเหล่านี้มุ่งเน้นการฝึกและส่งเสริมให้เด็กได้เรียนรู้ตามพื้นฐานอาชีพดั้งเดิม เป็นกิจกรรมที่ดีและช่วยปลูกฝังให้ผู้เรียนรักในพื้นฐานอาชีพการเกษตรของตนเอง ถึงแม้ว่าเด็กจะจบแล้วไม่ทำงานภาคเกษตร ไปทำงานโรงงาน หากวันหนึ่งมีเหตุต้องตกงาน ถูกเลิกจ้าง โรงงานอุตสาหกรรมย้ายฐานการผลิตไปประเทศอื่น ต้องหันมาใช้ชีวิตในภาคการเกษตร ก็จะทำให้เด็กเหล่านี้ได้หันกลับมาทบทวนวิชาเดิมที่ได้ร่ำเรียนมา การทำการเกษตรเป็นเรื่องที่ต้องปลูกฝังและสร้างพื้นฐานตั้งแต่ยังเด็ก “ทำอย่างไรจะทำการเกษตรให้มีความสุข รู้จักผลิตและบริโภคอาหารอย่างปลอดภัย”

    กิจกรรม “พัฒนาต้นแบบโรงเรียนที่มีการจัดปัจจัยแวดล้อมด้านอาหารเพื่อสุขภาวะ” เป็นกิจกรรมที่ทางมูลนิธิชีวิตไท ร่วมกับโรงเรียนวัดกำแพง และโรงเรียนเทพรัตน์ อำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท เริ่มดำเนินการในปีการศึกษา 2562 โดยเริ่มต้นจากกระบวนการสร้างการเรียนรู้ให้กับเด็กและครูในโรงเรียนเรื่องอาหารและการเกษตรปลอดภัยตั้งแต่เนิ่น ๆ โดยโรงเรียนทั้งสองแห่งเป็นโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา(การศึกษาภาคบังคับ) ผู้ปกครองของเด็กส่วนใหญ่มีอาชีพทำนา ซึ่งมีวิถีการทำนาขายข้าวเปลือก ซื้อข้าวสารและอาหารจากตลาดมาบริโภค

จึงเริ่มต้นด้วยกิจกรรมการเรียนรู้เรื่องพฤติกรรมการบริโภคและผลกระทบต่อสุขภาพ โดยพบว่าเด็กในชนบทต่างจังหวัดส่วนใหญ่มีพฤติกรรมการบริโภคไม่แตกต่างจากเด็กในเมือง นั่นคือทานอาหารฟาสต์ฟู้ด เช่น เบอร์เกอร์ไก่ ไก่ทอด น้ำอัดลม ทำให้เกิดภาวะความดันและเบาหวานในเด็ก การสะสมของสารเคมีจากการกินหมูกระทะ หรือการใช้สารเคมีในไร่นาและการเกษตรก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้ง่ายกว่าสมัยก่อน นอกจากนั้นยังได้มีการยกตัวอย่างของสารเคมี ที่ก่อให้เกิดโรคเนื้อเปื่อย หรือมะเร็ง ซึ่งก่อให้เกิดความรำคาญต่อชีวิต เพราะนอกจากคนที่รับสารเคมีจะต้องเจอกับภาวะซึมเศร้า และหมดค่ารักษาพยาบาลเป็นจำนวนมาก

     ผลที่เกิดจากการจัดกิจกรรมลักษณะนี้ทำให้เด็กนักเรียนและครูได้เรียนรู้และตระหนักถึงพิษภัยและผลกระทบจากการใช้สารเคมี และมีแผนการทำงานร่วมกัน โดยการตั้งเป้าหมายว่า เด็กในโรงเรียนจะต้องได้กินผักที่ปลอดภัย และได้เรียนรู้วิถีการทำการเกษตรตั้งแต่เด็ก เพื่อความไม่ประมาทของชีวิตหากไปทำงานในภาคอุตสาหกรรมแล้วกลับมาบ้านไม่มีงานทำ ก็สามารถเริ่มต้นการทำการเกษตรปลอดภัยได้

 

kidplanting02

     การเรียนรู้ยังไม่จบเพียงเท่านี้ ต่อด้วยการเรียนรู้ภาคปฏิบัติ การปรุงดินหรือเตรียมดินสำหรับปลูกผัก  ซึ่งการเตรียมดินในการปลูกผักนั้นก็มีเคล็ดลับด้วยเช่นกัน  กิจกรรมที่เด็กได้เรียนรู้ร่วมกันคือการทำปุ๋ยหมักแบบไม่กลับกอง  ซึ่งทำได้ง่ายๆ  โดยใช้วัสดุที่เหลือในบ้านไม่ว่าจะเป็นเศษฟางข้าว  หรือวัสดุ เช่น ใบไม้หรือกิ่งไม้ที่อยู่ในบ้าน  จำนวน  3  ส่วนและปุ๋ยคอก  ไม่ว่าจะเป็นขี้หมู  ขี้ไก่  หรือขี้วัวก็ได้  นำเอากองซากวัสดุที่เหลือใช้มาวางเป็นชั้นแรก  และเอาปุ๋ยคอกใส่  และวางกันเป็นชั้นไปเรื่อยๆ  จนวัสดุหมด  นอกจากนั้นรดน้ำทุกวัน  พอถึงวันที่ 7 ก็ให้นำเอาท่อ PVC แทงลงไปเพื่อระบายความร้อน  ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ  และพยายามจับดูว่าปุ๋ยไม่มีความร้อนแล้ว  เราจึงสามารถเอาปุ๋ยมาใช้ในแปลงผักได้

   จากกระบวนการช่วยกันคิดและช่วยกันทำ  ทำให้เด็กมีความสนุกกับกิจกรรมและเห็นความสำคัญของการเรียนรู้ในกิจกรรมนี้  ซึ่งการจัดกิจกรรมในโครงการนี้อาจมีกิจกรรมในครั้งต่อไปที่จะให้เด็กได้เรียนรู้การเพาะกล้า  และมาวางแผนเพื่อปลูก 

 

ที่มา : ไทยโพสต์ วันที่ 14 ต.ค. 2562

ผู้เขียน : ณัฎฐวี สายสวัสดิ์