จากการที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ดำเนินโครงการ “นาแปลงใหญ่” ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและคุณภาพผลผลิตปี 2559 จนสามารถตั้งกลุ่มนาแปลงใหญ่ได้ 301 กลุ่ม ในพื้นที่ 58 จังหวัด ภายหลังจากดำเนินการมาระยะหนึ่ง ได้มีการสุ่มเก็บข้อมูลจากเกษตรกรร้อยละ 20 ของแต่ละกลุ่ม หรือประมาณ 10,674 คนจากเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ 53,372 คน พบว่า
โดยเกษตรกรนาแปลงใหญ่ในภาคกลางสามารถลดต้นทุนการผลิตข้าวเฉลี่ยต่อไร่ได้มากที่สุด คือ 741 บาทต่อไร่ คิดเป็นร้อยละ 18.74 ของต้นทุนการผลิต ก่อนเข้าร่วมโครงการของเกษตรกรในภาคกลาง ในกรณีต้นทุนการผลิตข้าวต่อตัน เกษตรกรภาคตะวันออกเฉียงเหนือสามารถลดต้นทุนการผลิตข้าวเฉลี่ยต่อตันได้มากที่สุด คือ 2,386 บาทต่อตัน คิดเป็นร้อยละ 27.72 ของต้นทุนการผลิต ก่อนเข้าร่วมโครงการ
นอกจากนั้นยังพบว่า กลุ่มนาแปลงใหญ่ส่วนใหญ่สามารถลดต้นทุนการผลิตข้าวต่อไร่ได้ 300-600 บาทต่อไร่ คิดเป็นร้อยละ 31.44 ของจำนวนนาแปลงใหญ่ที่เข้าร่วมโครงการทั้งหมด แต่เมื่อพิจารณาต้นทุนการผลิตข้าวต่อตันพบว่า นาแปลงใหญ่ส่วนใหญ่สามารถลดต้นทุนการผลิตข้าวต่อตันได้ 1,000-2,000 บาทต่อตัน
ที่สำคัญเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการนาแปลงใหญ่ไม่เพียงสามารถลดต้นทุนการผลิต การเพิ่มผลผลิตและคุณภาพข้าวเท่านั้น แต่เกษตรกรยังมีการรวมกลุ่ม สร้าง “อำนาจต่อรอง” กับโรงสีได้มากขึ้น
ราคาที่เคยขายให้โรงสีได้เงินสุทธิเหลือเพียง 2 ใน 3 จากการใช้สินเชื่อไปซื้อปัจจัยการผลิตเพื่อปลูกข้าวจากโรงสีก่อนหน้านี้ก็จะหมดไป ยิ่งมีโครงการรับจำนำข้าวเปลือกในยุ้งฉางเกษตรกรอัตราดอกเบี้ยต่ำของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ทำให้เก็บข้าวรอขายได้นานขึ้น
ดั่งเช่นปีนี้ในภาคอีสาน เกษตรกรเก็บข้าวโดยจำนำกับ ธ.ก.ส.มากกว่า 9 แสนตันข้าวเปลือก จึงดันให้ราคาข้าวหอมมะลิพุ่งสูงจากตันละ 11,000-12,000 บาทในปีการผลิตก่อน เป็นตันละ 17,000-18,000 บาทต่อตัน ในปีการผลิต 2560/2561 นี้
แม้ว่าสาเหตุที่ส่วนหนึ่งราคาข้าวหอมมะลิจะขึ้นมาจากเกษตรกรแห่ไปปลูกข้าวเหนียวกันมากในปี 2560 จากราคาข้าวเหนียวในปี 2559 พุ่งจากตันละ 6,000 บาท เป็นตันละ 12,000 บาท และผลผลิตส่วนหนึ่งเสียหายจากน้ำท่วมก็ตาม แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าโครงการนี้ให้ประโยชน์กับเกษตรกรไม่น้อย
อย่างไรก็ตาม ยังต้องลุ้นว่าการผลิตข้าวนาปี 2561/2562 เกษตรกรอาจประสบปัญหาพันธุ์ราคาตกต่ำลงอีกได้ เนื่องจากการแห่ปลูกมากเกินไป รวมทั้งผลผลิตข้าวเปลือกนาปรังฤดูแล้งนี้ที่มีมากเกินไป 7.8 ล้านไร่ สูงกว่าแผน 5.1 ล้านไร่ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเนื่องไปถึงราคาข้าวหอมมะลิในนาปีรอบนี้ว่าอาจจะปรับลดลงได้
ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 15 เม.ย. 2561