สิทธิอธิปไตยทางอาหารบนผืนดิน

Created
วันศุกร์, 18 พฤษภาคม 2555
Created by
ศยามล ไกรยูรวงศ์
Categories
บทความ
 

 
สิทธิอธิปไตยทางอาหารบนผืนดิน

 ในอดีตราคาข้าวตกต่ำ มาวันนี้ราคาข้าวสูงขึ้น และยังมีพืชอาหารอีกหลายชนิดอยู่ในสภาวะเดียวกัน  ทั้งนี้เพราะประเทศไทยมีนโยบายส่งเสริมการปลูกพืชอาหารเพื่อส่งออกเป็นหลัก ผู้กำหนดนโยบายในกลุ่มนักการเมืองและข้าราชการประจำ   มุ่งหมายให้ประเทศไทยเป็นประเทศอุตสาหกรรมเนื่องจากทำให้รายได้ประชาชาติสูงขึ้น  โดยไม่พิจารณาให้ถ่องแท้ว่า รายได้เหล่านั้นมีการกระจายออกไปหรือไม่ 

ฐานทรัพยากรและพื้นที่เกษตรกรรมถูกทำลายไป จากการเปลี่ยนพื้นที่ผังเมืองซึ่งจะส่งผลกระทบต่อคนไทยในอนาคตอย่างมหาศาล  โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวไร่ชาวนาและคนในภาคชนบทยังพึ่งพาฐานทรัพยากรและการทำการเกษตร ทั้งในการบริโภคและการขาย  ซึ่งเป็นการสร้างรายได้และลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในครอบครัวได้อย่างดี 

ที่สำคัญฐานการผลิตอาหารที่มาจากฐานทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ ส่งผลให้คนไทยยังมีอาหารไว้กินในราคาที่ถูก  และคนไทยมีภูมิปัญญาในการทำอาหารที่มีความหลากหลาย มีการรักษาด้วยการแพทย์พื้นบ้านจากสมุนไพร  มีเครื่องไม้ใช้สอย และหัตถกรรม เสื้อผ้า ตลอดจนสินค้าแปรรูปที่มาจากการพึ่งพาทรัพยากร และสร้างรายได้ให้ประเทศไทยจำนวนมาก 

โจแซต ชีราน ผู้อำนวยการโครงการอาหารโลกแห่งสหประชาชาติ (World Food Program/WFP)  ได้กล่าวในการประชุมลอนดอน ซัมมิต ว่า “โลกกำลังเผชิญกับสึนามิแห่งราคาอาหารที่ทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่องใน 6 เดือนข้างหน้า และกำลังส่งผลกระทบต่อคนในทุกทวีปทั่วโลก  เสี่ยงต่อการทำให้คนยากจนทั่วโลกกว่า 100 ล้านคน ต้องดำดิ่งสู่ความหิวโหย”    

วิกฤตราคาอาหารโลกจึงกลายเป็นประเด็นสำคัญที่รัฐบาลควรพิจารณาให้หนัก ถ้าหากให้พืชอาหารผูกติดกับราคาตลาดโลก และราคาน้ำมันที่พุ่งทะยานขึ้น และหวังแก้ไขปัญหาปลายเหตุเพื่อต่อสู้กับราคาพืชผลที่ไม่แน่นอนเท่านั้น ก็จะก่อให้เกิดการทำลายภาคเกษตรกรรมอย่างแน่นอน  

การแก้ไขปัญหาของรัฐบาลที่ผ่านมาคือส่งเสริมให้เกษตรกรเปลี่ยนแปลงการผลิตพืชผลตามการขึ้นลงของราคาและความต้องการของตลาดโลก  โดยที่รัฐบาลไม่สามารถควบคุมการเก็งกำไรในตลาดของนักลงทุนและการกักตุนสินค้าของพ่อค้าคนกลาง   ซึ่งเป็นสาเหตุให้ราคาข้าวหรือพืชอาหารแพงหรือตกต่ำ ด้วยเหตุนี้จึงมีปัจจัยตัวแปรหลายประการที่ทั้งเกษตรกรผู้ผลิต  และผู้บริโภคต้องแบกรับภาระความยากจนจากการฉกฉวยของนักลงทุนและพ่อค้าคนกลางที่เอาเปรียบ หากินจากการดำรงชีวิตของมวลมนุษยชาติ 

การแก้ไขปัญหาวิกฤตอาหารจึงต้องทำให้คนไทยมีสิทธิอธิปไตยต่อการมีอาหารกินอย่างพอเพียง และมีฐานทรัพยากรที่พึ่งตนเองได้ภายในประเทศ   โดยไม่ถูกตลาดโลกและราคาน้ำมันมากำหนด ซึ่งจะกลายเป็นปัญหาความมั่นคงที่รุนแรงในอนาคต

สิทธิอธิปไตยในอาหารและฐานทรัพยากร (ดิน น้ำ ป่า พันธุกรรม) จะเกิดขึ้นได้ต้องมีการวางแผนในระยะยาวให้ประเทศไทยพึ่งตนเองด้านอาหารในเบื้องต้น  และพัฒนาสินค้าจากอาหารและฐานทรัพยากรซึ่งเป็นจุดเด่นของประเทศในการแข่งขันทางการค้าที่ประเทศไทยมีอำนาจต่อรองได้   โดยไม่จำเป็นว่าต้องเป็นประเทศอุตสาหกรรมในขณะที่คนไทยยังไม่มีศักยภาพในด้านเทคโนโลยี 

ไม่ว่าน้ำมันแพง  เงินบาทตกต่ำ หรือมีสงคราม คนไทยยังไม่ตาย  ปรากฏการณ์นี้เห็นได้ชัดเมื่อเกิดวิกฤตฟองสบู่แตก หลายคนที่ทำงานในเมืองและถูกเลิกจ้างกลับบ้านไปทำเกษตรกรรมในภาคชนบท ก็ยังดำรงชีวิตอยู่ได้แม้ไม่มีเงิน  โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าครอบครัวใดยังมีที่ดิน และทรัพยากรยังอุดมสมบูรณ์  การเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นไทแก่ตนเองหลังถูกเลิกจ้างยังเป็นไปได้   

การแก้ไขปัญหาวิกฤตอาหารที่ต้องเร่งกระทำคือการรักษาและพัฒนาที่ดินที่เหมาะสมต่อการเกษตรกรรมซึ่งมีจำนวนเนื้อที่ 131 ล้านไร่ พื้นที่ป่าไม้จำนวนเนื้อที่ 81 ล้านไร่ ในขณะที่พื้นที่ทั้งประเทศมีเพียงจำนวน 320 ล้านไร่  (ปี 2539)  ในสถานการณ์ปัจจุบันจำนวนเนื้อที่ดินทั้งพื้นที่เกษตรกรรม และพื้นที่ป่า รวมทั้งพื้นที่ที่มีทรัพยากรธรรมชาติสมบูรณ์ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ หรือที่สาธารณประโยชน์ แหล่งต้นน้ำลำธาร ได้ถูกทำลายลง 

การรักษาพื้นที่เกษตรกรรมซึ่งกำลังถูกคุกคามทำลายอย่างรวดเร็ว จากผลพวงของการพัฒนาประเทศให้เป็นเมืองอุตสาหกรรมต้องดำเนินการในหลายมาตรการ  ได้แก่ 

การวางแผนการใช้ที่ดินที่มีความเหมาะสมกับเกษตรกรรม และมีแหล่งฐานทรัพยากรที่สำคัญต้องรักษาไว้อยู่บริเวณไหนของประเทศบ้าง และมีการคุ้มครองด้วยการใช้มาตรการทางภาษีป้องกันการเก็งกำไรราคาที่ดิน  

การออกกฎหมายภาษีที่ดินในอัตราก้าวหน้า ป้องกันมิให้มีการปล่อยที่ดินรกร้างว่างเปล่าโดยมิได้ทำประโยชน์ โดยเฉพาะพื้นที่ที่เหมาะสมกับการเกษตรกรรม มีการอุดหนุนภาคเกษตรกรรมเพื่อสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรยังทำอาชีพเกษตรกรรมอย่างมีศักดิ์ศรี  เพื่อมิให้มีการขายที่ดิน ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มาจากปัญหาหนี้สินที่ล้มเหลวจากราคาพืชผล  และการถูกฉ้อโกงหลอกลวงยึดที่ดินด้วยเหตุที่ที่ดินราคาสูงจากการปั่นราคาที่ดินเพื่อพัฒนาอสังหาริมทรัพย์  

การวางแผนการปลูกพืชที่เหมาะสมกับระบบนิเวศน์มีความสำคัญ เพื่อมิให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อม การสูญเสียต้นทุนทางเศรษฐกิจของการฟื้นฟูที่ดินขึ้นมาใหม่ การสูญเสียภูมิปัญญาในการผลิตพืชอาหารที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน เช่น ข้าว ที่คนไทยต้องกินทุกคน

ตลอดจนป้องกันไม่ให้มีการทำลายป่า และแย่งชิงน้ำในอนาคต  โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่ลุ่ม พื้นที่ชลประทานที่เหมาะสมกับการทำนาไม่ควรเปลี่ยนมาเป็นปลูกมันสำปะหลังเพื่อผลิตเอทานอล  พื้นที่ชุ่มน้ำไม่ควรถูกเปลี่ยนมาปลูกปาล์มน้ำมันเพื่อผลิตไบโอดีเซลตามนโยบายสร้างน้ำมันในบ่อดิน

ดังนั้นการแก้ไขปัญหาด้วยการมองเงินเป็นตัวตั้ง จะทำให้เกิดการผูกขาดโดยคนกลุ่มหนึ่งที่มีเงินมาลงทุนในผืนดินที่เกษตรกรเป็นเพียงลูกไล่ในการปลูก   ไร้ความเป็นอิสระจากการลงทุนลงแรงบนผืนดินที่ตนเองเป็นเจ้าของ  โดยการทำสัญญาแบบธุรกิจการเกษตร  คือการเบียดขับให้เกษตรกรสูญเสียที่ดิน และในอนาคตจะเหลือเกษตรกรที่เป็นเจ้าของที่ดินและควบคุมปัจจัยการผลิตจำนวนน้อยลง  

นอกนั้นคือแรงงานในภาคเกษตรกรรม  ซึ่งบรรลุเป้าหมายของนักการเมือง และผู้กำหนดนโยบายที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นเช่นนั้น   แต่คุณค่าชีวิตของเกษตรกร คนยากจน และผู้บริโภคไร้สิทธิอธิปไตยทางอาหารบนผืนดินที่ถูกกำหนดให้ดำรงชีวิตตามเส้นทางของนักลงทุนและนักการเมือง

 

เรื่องโดย...ศยามล  ไกยูรวงศ์